บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หวัดหาย...ด้วยฟ้าทลายโจร

             ฟ้าทลายโจร บรรเทาหวัด
             ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนโรคที่จะตามมาก็คงหนีไม่พ้นโรคหวัด ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน วัยไหน ก็สามารถป่วยจากโรคนี้ได้ทั้งนั้น แม้จะไม่ร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญ และส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้ไม่น้อย
              โรคหวัดที่ระบาดในบ้านเราส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัสสายพันธ์ใหม่ที่มีการกลายพันธ์มาจากเชื้อไวรัสดั้งเดิม สายพันธ์เดิมนั้น อาการของโรคจะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ ผู้ป่วยมีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย น้ำมูกไหล มีเสมหะ ไอ คันคอ และแสบคอ เมื้อเชื้อมีการพัฒนาสายพันธ์ทำให้การรักษาใช้เวลานานขึ้น บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อน
               สรรพคุณของฟ้าทลายโจร
               ฟ้าทลายโจรมีกระบวนการออกฤทธิ์ ที่ได้ผลเป็นอย่างดีกับอาการของโรคหวัด โดยจะออกฤทธิ์เพิ่มภูมิต้านทาน ลดไข้ ระงับอาการอักเสบ ไอ เจ็บคอ คออักเสบ และระคายคอ โดยไม่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม ต่อมทอมซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนัง ฝี แก้ติดเชื้อ ที่ทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย บิด และแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ เป็นยาขมเจริญอาหาร มีฤทธิ์ระงับการติดเชื้อหรือระงับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
              ข้อควรระวัง
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีความดันต่ำ
- หลังรับประทานฟ้าทลายโจรเข้าไป เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วเกิดอาการปวดศรีษะ เวียนศรีษะ บางรายอาจมีอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ แสดงว่า อาจแพ้ ควรหยุดใช้ยาทันที
- ไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกินไป

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บัวบก...สุดยอดยาสมุนไพรแห่งชีวิต

          บัวบก ภาษาจีนเรียก จิเสวี่ยเฉ่า หมายถึง หญ้าหรือสมุนไพรที่เสมือนมีหิมะสะสมอยู่คือฤทธิ์เย็นมาก สามารถขับพิษร้อน การอักเสบทั้งหลาย
บัวบกมีฤทธิ์กล่อมประสาท บำรุงสมอง ช่วยความจำ ลดความอ่อนล้าของสมอง
          บัวบกเป็นผักพื้นบ้านของไทยสามารถทานได้ทั้งสดหรือคั้นเป็นน้ำเนื่องจากบัวบกมีวิตาามินเอ บี1 บี2 และบี6 อยู่มากค่ะไม่เพียงแค่สรรพคุณที่ช่วยรักษาอาการช้ำใน ที่เรารู้จักกันดีเท่านั้น ยังช่วยในการบำรุงร่างกาย และบำบัดโรคได้อีกหลายอย่าง
          สรรพคุณหลากหลายของบัวบก
- แก้ช้ำใน
- บำรุงสมอง
- บำรุงหัวใจ
- แก้ร้อนในกระหายน้ำ
- ลดความดันโลหิตสูง
- แก้เจ็บคอ
- รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ลดอาการเกิดแผลเป็นชนิดนูน
- ใส่แผลสดห้ามเลือด
- ลดอาการแพ้ ผื่นคัน ปวดแสบ ปวดร้อน
- ดับพิษไข้
- รักษาอาการตาแดง
- เร่งการสมานแผล
- น้ำต้มใบสด ดื่มรักษาโรคปากเปื่อย ปากมีกลิ่น
- ลดรอยตีนกา เพราะบัวบกจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและวัย
- ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
- ช่วยขับความร้อนชื้นทางเดินปัสสาวะป้องกันการเกิดนิ่ว
- ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์ป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี

สนในอ่านต่อได้ที่ http://www.thaiherbweb.com


วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บอระเพ็ด...ขม..แต่ดี


          บอระเพ็ด คือ ไม้เถาขึ้นได้ในดินธรรมดาทั่วไป พบได้ทุกภาคของประเทศ
เมื่อพูดถึงบอระเพ็ดอาจมีหลายคนนึกขยาดกับความขม แต่จริงๆ แล้ว รสขมนี่แหละ คือยา่อายุวัฒนะชั้นดี เหมือนดังโบราณบอกไว้ว่า หวานเป็นลมขมเป็นยา  นานมาแล้วที่คนไทยเชื่อว่าบอระเพ็ดเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงสุขภาพ บำรุงร่างกาย ช่วยขับน้ำย่อย ทำให้เจริญอาหาร ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย และทำให้ผิวพรรณสดใส ป้องกันความชรา
           ทุกส่วนของบอระเพ็ดมีประโยชน์
- เถาหรือลำต้น รสขมเย็น แก้ไข้ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้สะอึก ขับเหงือ แก้ไข้พิษไข้กาฬ แก้อาการแทรกซ้อนขณะที่เป็นไข้ทรพิษได้
- ใบ รสขมเมา เป็นยาเจริญอาหาร ช่วยขับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร รักษาโรคฝีดาษ ช่วยขับพยาธิ เป็นยาบำรุงธาตุไฟ เป็นยาลดความร้อน บำรุงกำลัง ระงับอาการสะอึก เป็นยาพอกแผล แก้คัน แก้ปวด พอกฝี แก้รำมะนาด แก้ปวดฟัน แก้ดรคผิวหนัง
- รากแก้ไข้ ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้พิษ ไข้สั่น
- ดอก ช่วยรักษาโรคในช่องปากและหู ช่วยขับพยาธิ
- ผล รสขม เป็นยารักษาโรคไข้พิษอย่างรุนแรง แก้เสมหะเป็นพิษ
            จากที่กล่าวมา จะเห็นว่าสรรพคุณดดยรวมของบอระเพ็ดก็คือ เป็นยาอายุวัฒนะ ใช้แก้ไข้ ปวดศรีษะ รักษาฟัน เป็นยาบำรุง แก้บาดทะยัก โรคดีซ่าน แก้มาลาเรีย และแก้ร้อนใน
บอระเพ็ดมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความชราของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยลดละดับน้ำตาลในเส้นเลือด และลดไขมันในร่างกายได้อีกด้วย

สนใจอ่านต่อได้ที่ http://www.thaiherbweb.com





วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พริกไทยดำ...ลดพุง..ลดโรค

พริกไทยดำ...เม็ดเล็ก...แต่สรรพคุณไม่เล็ก
         พริกไทยเป็นเครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหาร ให้มีกลิ่นและรสที่ชวนรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นพริกไทยสด หรือพริกไทยแห้ง ก็จะให้รสเผ็ดร้อนและหอมฉุน ทานแล้วรู้สึกโล่งจมูกหายใจสะดวก และสบายตัว นอกจากนี้ยังช่วยในการดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ และช่วยถนอมอาหารอีกด้วย

             พริกไทยอ่อนมีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหารได้ ส่วนพริกไทยดำเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว จะช่วยขับลม ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อีกทั้งยังช่วยในการละลายไขมันหน้าท้อง่ช่วยในการเผาผลาญลดน้ำหนักอีกด้วย
             พริกไทยดำมีสรรพคุณทางยาดีกว่าพริกไทยขาว อีกทั้งยังมีความเผ็ดร้อนและหอมฉุนมากกว่า เพราะสารที่ให้รสเผ็ดร้อน ส่วนใหญ่อยู่ที่เปลือกของพริกไทย
              สรรพคุณของพริกไทย
- ยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม 
- รักษาอาการปวดท้อง และอาเจียนเป็นน้ำ
- นิยมใช้เป็นส่วนผสม ในยาสตรีหลังคลอดบุตรเพื่อช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว และช่วยแก้ประจำเดือนมาผิดปกติ
- ช่วยต่อต้านความอ้วน เพราะมีสารพิเพอรีนที่มีรสฉุนและเผ็ดร้อน จึงช่วยขัดขวางไม่ให้เซลล์ไขมันใหม่ก่อตัวขึ้น
- เมล็ดพริกไทยมีสารฟินอลิกส์ และสารพิเพอรีน ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (เมล็ด)
- เมล็ดพริกไทยมีสารพิเพอรีน (Piperine) ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ที่มีส่วนช่วยรักษาและป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้ (อ้างอิง : รศ.ดร.อรุณศรี ปรีเปรม อาจารย์จากคณะเภสัชศาสตร์) (เมล็ด)
- สรรพคุณช่วยป้องกันและต่อต้านสารก่อมะเร็ง ช่วยเร่งการทำงานของตับให้ทำลายสารพิษได้มากขึ้น (เมล็ด)
             ทุกส่วนของพริกไทยมีประโยชน์
- ใบ รสเผ็ดร้อน แก้ลมจุกเสียด แน่น ปวดมวนในท้อง
- ผล  ที่ยังไม่สุกนำมาเป็นเครื่องเทศ แต่งกลิ่นอาหาร
- เมล็ด มีรสเผ็ดร้อน แก้ลมอัมพฤกษ์ แก้ลมลั่นในท้อง บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด แก้เสมหะเฟื่อง แก้มุตกิด ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ขับลม
- ดอก มีรสเผ็ดร้อน แก้ตาแดงอันเนื่องมาจากความดันโลหิตสูง
- ราก มีรสเผ็ดร้อน แก้ปวดดท้อง แก้ลมวิงเวียน ขับลมในลำไส้ ช่วยย่อย
- เถา มีรสร้อย แก้อติสาร (อาการท้องร่วงอย่างรุนแรงฉ แก้เสมหะในทรวงอก
            ข้อควรระวังในการทาน
- ไม่ควรรับประทานพริกไทยมากเกินไป
- สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทานมาก เพราะพริกไทยมีรสร้อน อาจทำให้เกิดการแท้งได้
- ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคตา และเจ็งคอ ไม่ควรรับประทาน

สนใจอ่านต่อได้ที่ : http://www.thaiherbweb.com













วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ล้างพิษ

            ดิฉันโดนพิษทุกวัน มีมลพิษรอบด้าน ดิน น้ำ ลม ของกินที่ปรุงแต่งด้วยสีสัน รสชาติ อาหารเผา ทอด ย่าง ยาต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีสารพิษปะปนอยู่ทั้งสิ้น ทำให้ลำไส้ของเราเหมือนถังขยะใบย่อม 




ซึ่งบางคนยังไม่เคยล้างสารพิษในลำไส้เลย เปรียบเหมือนทุกวันเราต้องแปรงฟัน เพื่อขจัดเศษอาหารที่ตกค้างในช่องปาก (ฟัน) ทุกคืนก่อนนอน และตอนเช้าหลังตื่นนอน ดังนั้นเราควรล้างสารพิษในลำไส้ทุกวันเช่นกัน เพราะร่างกายเราได้รับสารพิษในลำไส้ทุกวันอยู่แล้ว

            การล้างพิษ  ให้ประโยชน์ทั้งด้านสุขภาพและความงาม
- เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ ภาพตัวอย่าง คลิก

- ฟื้นฟูสุขภาพ คืนความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย

- ผิวพรรณนวลเนียนกระจ่างใส

- พิชิตความอ้วน


             ปรับสมดุลให้ชีวิตด้วยการ DETOX ล้างสารพิษทุกวันเพื่อสุขภาพและความงาม ด้วยผักและผลไม้ หรือสมุนไพร  

             ทราบหรือไม่ว่าสาเหตุของโรคเสื่อมต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดอุตตัน ภูมิแพ้ โรคหัวใจ โรคข้อ มะเร็งลำไส้ โรคกระเพาะ โรคอ้วน ท้องผูก และอื่นๆ อีกมาก  ล้วนมีสาเหตุมาจากลำไส้ใหญ่และระบบเลือดที่มีปัญหาจากสารพิษตกค้างทั้งสิ้น



เพิ่มคำอธิบายภาพ

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สมุนไพรไทยที่ใกล้ถูกลืม "สาวร้อยผัว"

             อาจจะเพราะการให้ความสนใจและความรู้ต่อสมุนไพรไทยของบ้านเรายังน้อย ที่ทำให้ปีหนึ่งเราต้องสั่งยาจากต่างประเทศเข้ามามใช่น้อย เมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว
             ทั้งที่ภูมิปัญญาพื้นบ้านในด้านการรักษาและตัวสมุนไพรของไทยเป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ  สมุนไพรไทยบางตัวที่เกือบเป็นตำนาน เช่น "รากสามสิบ" หรือ "สาวร้อยผัว"คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อเลย แต่จริงๆ แล้วมีประโยชน์เป็นอย่างมาก คือเป็นได้ทั้งอาหาร ยา ขนม ผัก หรือเป็นไม้ประดบก็ยังได้
             ส่วนในด้านการเป็นยารักษาโรค "รากสามสิบ"  จะมีคุณค่าในเรื่องการเป็นตัวยาแก้ปัญหาของผู้หญิงภาวะหลังมีประจำเดือน ภาวะหมดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก หรือช่วยฟื้นฟูในเรื่องของการหมดอารมณ์ทางเพศได้ ช่วยในการกระชับช่องคลอด ทั้งยังช่วยบำรุงน้ำนมได้อีกด้วย รากสดๆ ของรากสามสิบ ยังสามารถนำมาทุุบหรือขูดกับน้ำเพื่อซักผ้าได้อีกด้วย
            ความหลากหลายของสมุนไพรไทยยังมีอีกมาก เราพยายามรณรงค์ให้คนหันมาใช้ในสมุนไพรกันมากขึ้น  เพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งภูมิปัญญาไทยไม่ให้หายจากโลกนี้

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กินผัก..ลดอ้วน...ลดโรค

กินผัก ลดอ้วน ลดโรค
             ผัก เป็นแหล่งสำคัญของวิตามอนและแร่ธาตุ รววมทั้งสารอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เช่นใยอาหารที่นอกจากจะทำให้อิ่มเร็วขึ้น แล้วยังช่วยในการขับถ่าย พร้อมนำโคเลสเตอรอลและสารพิษที่ก่อให้เกิดดรคมะเร็งบางชนิดออกจากร่างกาย การกินผักสดเป็นประจำและกินให้หลากหลายจะไม่ก่อให้เกิดโรคอ้วนและไขมันอุดตันเพราะผักให้พลังงานต่ำ และยังมีส่วนช่วยในการควบคุมไขมันในเลือด รวมทั้งช่วยป้องกันโรคหัวใจที่เกิดจากเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจอุดตันที่สำคัญผักมีสารพฤกษเคมี เช่น แคดรทีนอยด์ ฟาโวนอยด์ แอนโธไซยานิน สารเหล่านี้ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคร้าย อย่างโรคมะเร็งและโรคหัวใจ เป็นต้น
              เทคนิคการกินผักเพื่อลดอ้วน ลดโรค
- ผู้ที่ไม่เคยกินผัก อาจเริ่มต้นด้วยการกินผักที่ชอบก่อนโดยกินทุกวันเกิด แล้วค่อยๆ เพิ่มวันที่กิน
- กินผักทั้งทีต้องกินให้หลากหลายชนิด หลากสี
- กินผักให้ได้วันละ 4 ทัพพีในเด็กวัยเรียน ผู้ใหญ่ 6 ทัพพีต่อวัน
- กินผักสด หรือผักที่ปรุงแต่งน้อยดีกว่ากินผักแปรรูป หรือหมักดอง
- กินผักตามฤดูกาล จะมีสารพิษตกค้างน้อย
- กินผักพื้นบ้านเป็นประจำ
- เลือกเมนูในแต่ละมื้อควรมีผักเป็นส่วนผสม และ อย่าลืมลดหวาน มัน เค็ม ด้วย
              ขณะนี้ทั่วโลกกำลังลดปัญหาดรคอ้วน และดรคแห่งการเสื่อมเช่นเบาหวาน หัวใจ ความดันสูง ด้วยการส่งเสริมให้คนในชาติได้กินผักให้หลากชนิด หลากสี ดังนี้
- ผักสีแดง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก ชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ช่วยลดไขมันในเลือด
- ผักสีส้ม-สีเหลือง ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด ช่วยระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา
- ผักสีเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกัน DNAถูกทำลาย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดเนื้อร้ายทุกชนิด
- ผักสีฟ้า-สีน้ำเงิน-สีม่วง อยู่ในกลุ่มมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดในสมองอุดตัน ยังยั้งชื้ออีโคไล(เชื้อที่ทำให้ท้องร่วง)
- ผักสีขาว-สีน้ำตาล มีสารสำคัญหลายตัว ซึ่งแต่ละชนิดมีมากมาย แตกต่างกันไปดังนี้
สารกำมะถันที่ทำงานร่วมกับวิตามินและเกลือแร่อื่นๆ ที่สร้างเซลล์เล็บ ผม ผิวหนัง
สารฟลาโวนอยด์ชนิดเพกตินและอัลลิซิน เป็นสารที่ไปยับยั้งการเกิดเนื้องอก
สาร6-จิงเจอรอล อยู่ในขิงและข่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดไขมันในเลือด ต้านการรวมตัวของเกล็ดเลือด สารกาลานัล เอและบี อยู่ในเหง้าของข่า มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว ช่วยบรรเทาอาหารภูมิแพ้

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กินไขมัน... แค่พอดี... ไม่มีอ้วน

           ไขมันเป็นอาหารที่จำเป้นต่อสุขภาพ ให้พลังงานและความอบอุ่น อาหารแทบทุกชนิดมีไขมันเป็นส่วนประกอบมากน้อยแตกต่างกันไป ไขมันทั้งจากพืชและสัตว์เป็ฯแหล่งพลังงานที่สูง ให้กรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยการดูดซึมของวิตามินที่ละสายในไขมัน คือ วิตามินเอ ดี อี และ เค
            อย่างไรก็ตามปัจจุบันคนไทยกินไขมันมากกว่าในอดีต และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต การกินอาหารที่มีไขมันมากเกินไปทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม ทำให้อ้วนและเกิดโรคอื่นๆ ตามมาซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น จึงแนะนำให้จำกัดพลังงานที่ได้จากไขมันในอาหารแต่ละวันอย่างมากที่สุดไม่เกินร้อยละ 20-30 ของพลังงานทีได้รับจากอาหารทั้งหมด
           ไขมันมีทั้งประเภทไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัว การได้รับไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอล มากเกินไป จะทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคความดัน และอัมพาตได้ วิธีประกอบอาหารก็มีส่วนทำให้ปริมาณไขมันเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาหารทอด ผัด และอาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบถือว่าเป็ฯอาหารที่ีมีไขมันสูงจึงควรกินแต่น้อย และมีสารอาหารอื่นน้อยมาก ควรหลีกเลี่ยง เบเกอรี่ทุกชนิดเนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวสูง ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ยาก
          เทคนิคยการเลือกและเตรียมอาหารเพื่อกำจัดไขมัน
- เนื้อสัตว์ที่ใช้ปรุงอาหาร ควรเลือกที่ไม่ติดมันหรือติดมันน้อย
-ปรับเปลี่ยนวิธีปรุงอาหารจากการทอดหรือผัด เป็นหารต้ม นึ่ง ย่าง
- ดื่มนมพร่องมันเนยหรือขาดไขมัน
- ลดการกินอาหารแปรรูปพวกแฮม ไส้กรอก กุนเชียง ซึี่งมีไขมันสูง
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันทรานส์สูงเช่น เบเกอรี่ เนยขาว อาหารที่ใช้น้ำมันทอด
- อ่านฏลากก่อนซื้ออาหารทุกครั้งและถ้าเห้นคำว่า มาการีน ครีม เนย ชีส ให้หลีกเลี่ยงอย่างซื้อ เพราะนี่แหละคือของแถมที่มากับความอ้วน
            ดังนั้น การรู้ชนิดของอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะปริมาณไขมันอิ่มตัวและคลอเลสเตอรอล และรู้จักวิธีประกอบอาหารที่จะลดปริมาณไขมันในอาหารได้ ทั้งยังเลือกคุณภาพของไขมันจากอาหารได้อย่างเหมาะสมและเป็นผลดีต่อสุขภาพ

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ลดเกลือ...ลดเค็ม...ลดโรค

           

   เกลือเป็นแร่ธาตุทางโภชนาการชนิดหนึ่ง หรือโซเดียมคลอไรด์ที่หลายคนรู้จัก  เป็นเครื่องปรุงอาหารที่ให้รสเค็ม ที่มีมาตั้งแต่โบราณ อาหารที่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ ที่มีรสเค็มได้แก่ เกลือแกง เครื่องปรุงรสต่างๆ และที่ไม่มีรสเค็มได้แก่ ผงชูรส ผงฟู สารกันบูดและอาหารประเภทเนย เนยเทียม น้ำสลัดชนิดครีมและใส  
                การกินอาหารที่มีโซเดี่ยมมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อร่างกายและมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ภาวะที่มีโซเดียมมากในร่างกายยังทำให้มีการสะสมของน้ำตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดภาวะบวมน้ำได้ ระดับเกลือแร่ในเลือดสูงเกินไปจะทำให้เลือดแข็งตัวได้ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แช่น เส้นเลือดในสมองตีบตัน ไตวาย หัวใจวาย การศึกษาพบว่า ถ้ากินเกลือแกงมากกว่า 1 ช้อนชา (6กรัม)ต่อวัน จะมีดอกาสเสี่ยงต่อความดันดลหิตสูงและการกินเค็มจัดมีโอกาสเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารด้วย การกินอาหารที่ผ่านขบวนการน้อยๆ หรืออาหารจากธรรมชาติ เช่นผักสดใบเขียว ในแต่ละวันให้มาก เนื่องจากผักใบเขียวจะมีสารอาหารในกลุ่มวิตามินบี ที่เรียกว่า กรดโฟลิค ช่วยลดความเสี่ยงของสมองภาวะหลอดเลือดอุดตันได้ 20% และโรคหัวใจได้ 15% และยังมีธาตุโพแทสเซี่ยม ช่วยรักษาความเป็นกรดด่างในร่างกาย การกินผักใบเขียวสดเป็นประจำในปริมาณที่มากเพียงพอทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ ช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ได้อีกด้วย
              วิธีง่ายๆ ในการลดเค็ม
- ลดการใช้เครื่องปรุงรสในอาหาร
- ชิมอาหารก่อนเติมทุกครั้ง
- เลือกกินอาหารสดหรือผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด
- ลดความถี่และปริมาณการกินอาหารที่ใช้น้ำจิ้ม
- ลดการกินขนมหวานที่มีเกลือ
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป
- อ่านฉลากโภชนาการทุกครั้ง ถ้าจำเป็นเลือกก็เลือกชนิดที่มีโซเดียมน้อยที่สุด
- อาหารที่อ่อนเค็มเพิ่มการปรุงรสด้วยสมุนไพร เครื่องเทศ อาจจะใช้รสเปรี้ยวหรือเผ็ดนำ
              เพียงเท่านี้เราก็สามารถลดการบริโภคโซเดียมลงได้ และมีสุขภาพที่ดีได้อีกด้วย

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ระวัง! หวาน...อันตราย

       

            ความหวานเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ชอบโดยเฉพาะคนที่ติดหวาน แม้อาหารคาวของไทย ในปัจจุบันยังมีการเติมรสหวานด้วย อาหารหวานที่กินมักมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม น้ำตาลจัดเป็นอาหารที่ให้พลังงานแต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการน้ำตาล 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลลอรี่เช่นเดียวกับอาหารในกลุ่มข้าว แป้ง
แต่การกินอาหารกลุ่มข้างแป้งนอกจากจะได้พลังงานแล้วยังได้สารอาหารอื่นด้วย ปัจจุบันคนไทยติดหวานจากการกินน้ำตาลเพิ่มมากขึ้นทุกปี
            น้ำตาลส่วนใหญ่ที่กินแฝงมากับเครื่องดื่มต่างๆที่มักมีรสหวานเช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ นมรสต่างๆ ขนมขบเคี้ยว รวมทั้งเบเกอรี่ทุกชนิด รวมทั้งการเติมน้ำตาลในอาหารคาวประเภทก๋วยเตี๋ยวและข้าวผัด ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็น
            นอกเหนือจากพลังงานจากอาหารในแต่ละมื้อ ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ยาก อีกทั้งการกินน้ำตาลล้นเกินไปจะส่งให้เกิดโรคที่เป็นภาระต่อตัวเอง ต่อครอบครัว และคนรอบข้าง   ผลเสียของการทานหวานเกินจำเป็นจะทำให้เราสามารถเป็นโรคต่างๆ ดังนี้
- โรคฟันผุ
- โรคอ้วน
- โรคเบาหวาน
- ภาวะไขมันในเลือดสูง
- ร่างกายสูญเสียวิตามินบี
           ดังนั้นจึงไม่ควรกินน้ำตาลอย่างพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ติดหวานและเป็นโรคต่างๆ ได้โดยง่าย



วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นอนน้อยกับนอนมาก มีผลต่อชีวิตมากกว่าที่คิด

นอนน้อยกับนอนมาก

นอนน้อยกับนอนมาก
การนอนมีความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เพราะระะหว่างที่เรานอนหลับนั้นร่างกายจะทำการซ่อมแซมและเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ และช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และคืนพลังงานให้ส่วนต่างๆของร่างกาย
การอดนอนหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอจึงมีผลกระทบต่อร่างกายเป็นอย่างมาก หลายคนมักจะเข้าใจว่าการนอนน้อยจะทำให้ร่างกายเราตื่นมากขึ้น เผาผลาญได้มากขึ้น ทำให้ลดน้ำหนักได้มากขึ้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด การนอนน้อยจะทำให้ร่างกายเราหิวมากขึ้น ทานได้มากขึ้นและมีการสะสมของไขมันมากขึ้น ทั้งยังทำให้่เกิดโรคต่่างๆ ได้อีกด้วย
หากเรานอนกลางวัน ร่างกายเราจะเผาผลาญพลังงานน้อยลง เราจึงไม่ควรนอนกลางวัน
                แต่การนอนในตอนกลางคืนกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียของสหรัฐฯ ได้ทำการ
วิจัยแล้วพบว่า คนที่นอนน้อยกว่า 4 ชั่วโมง มีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้นถึง 73% คนที่นอน 5 ชั่วโมงจะมี
โอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้น 50%  ส่วนคนที่นอนวันละ 6 ชั่วโมง จะมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้น 23%
                โดยได้อธิบายว่า การนอนน้อยทำให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ซึ่งไปกระตุ้นให้ร่างกาย
ของเราอยากทานอาหารมากขึ้นและสะสมไขมันเพิ่มขึ้น รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมนอนหลับให้เพียงพอ วันละ

ประมาณ 8 ชั่วโมง จะได้อ้วนยากขึ้น

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อดอาหารกับการลดน้ำหนัก

การอดอาหารกับการลดน้ำหนัก
      คนเรามักจะเข้าใจว่าการที่เราจะลดน้ำหนักได้นั้นจะต้องงดอาหารทานให้น้อยจึงจะลดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการจะลดน้ำหนักนั้นเราจะต้องคุมปริมาณของสารอาหารที่ร่างกายได้รับ หรือการคุมแคลลอรี่ จึงจะทำให้การลดน้ำหนักเห็นผลและลดได้จริง
ความหิวของคนเราเกิดจากความต้องการ “สารอาหาร” เพื่อให้ร่างกายของเราทำงานได้ปกติ
ฉะนั้นหากเราให้ “สารอาหาร” ที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอ เราก็จะไม่

รู้สึกหิว แต่หากเราให้ “สารอาหาร” ที่ร่างกายต้องการไม่ครบถ้วน ไม่เพียงพอ เราก็จะรู้สึกหิว
             จากความเข้าใจทั้งหมดจึงทำให้เราสามารถสรุปได้ว่า หากเราต้องการลดน้ำหนัก สิ่งที่เราต้องการ
ควบคุมไม่ใช่เรื่องการควบคุมอาหาร แต่เป็นการควบคุมแคลอรี (พลังงาน) ของอาหาร  ไม่ว่าเราจะทานอาหารอะไรก็ตามแล้วได้พลังงานน้อยกว่าพลังงานที่เราใช้ น้ำหนักของเราก็จะลดลง

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พลังงานมากอาจจะไม่อิ่ม



พลังงานมากอาจจะไม่อิ่ม
อาหารบางประเภทแม้ว่าจะให้พลังงานสูง แต่มีสารอาหารน้อยมาก เช่น “น้ำอัดลม” มีน้ำตาลและ
พลังงานสูงมาก (ประมาณ 150 กิโลแคลอรีต่อกระป๋อง) แต่มี “สารอาหาร” น้อยมาก (แทบจะไม่มีเลย)
อาหารประเภทนี้หากเราทานในปริมาณมาก เราจะแน่นท้อง แต่เราจะไม่อิ่มหรืออิ่มไม่นาน เพราะว่า
เราได้สารอาหารไม่เพียงพอ
ซึ่งผลเสียก็คือ การที่เราได้พลังงานมากจะทำให้เราอ้วนได้ง่าย (ลดลงยาก) และการที่ทานแล้วไม่อิ่ม
ก็ทำให้เราต้องทานเพิ่ม ก็ยิ่งทำให้เราอ้วนง่าย และลดน้ำหนักยากขึ้น
                ในทางตรงกันข้าม อาหารบางประเภทแม้ว่าจะให้พลังงานไม่มากแต่ให้สารอาหารครบ 5 หมู่ ซึ่ง
แม้ว่าเราจะทานในปริมาณที่ไม่มากจนแน่นท้อง แต่เราก็อิ่มได้เพราะได้สารอาหารเพียงพอ เช่น ข้าว 1 จาน
แกงจืดมะระสอดไส้หมูสับ 1 ถ้วย ได้พลังงานประมาณ 290 กิโลแคลอรี แต่ได้สารอาหารที่ครบ 5 หมู่ ได้
พลังงานต่ำกว่าแต่อยู่ท้องได้นานกว่าทานขนมปัง 4 แผ่น เราก็จะลดน้ำหนักได้ง่ายกว่า เพราะได้พลังงาน

ต่ำกว่าและไม่ต้องทานอะไรเพิ่ม
สนในอ่านต่อได้ที่ https://www.thaiherbweb.com

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เห็ดหลินจือเทพเจ้าแห่งชีวิต

เห็ดหลินจือ เป็น King of Herb  เห็ดหลินจือ บำรุงคนชรา บำรุงหัวใจ


เมื่อ คุณสมบัติพิเศษของเห็ด คือโครงสร้างและสารประกอบภายในที่สามารถปรับตัวและป้องกันตัวเองได้ในทุก สภาวะแวดล้อมส่งผลด้านบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว เห็ดหลินจือช่วย ส่งเสริมการเจริญเติบโต และพัฒนาการ บำรุงกำลังและเสริมความแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานโรค บำรุงสมองและสติปัญญา ที่สำคัญช่วยบำรุงสมรรถภาพไต

พอ ก้าวสู่วัยทำงานและกลางคน เจ้าเห็ดมหัศจรรย์ เหมาะใช้เพื่อความงามของผิวพรรณ ลดรอยด่างดำ คงความอ่อนวัย และบำรุงอวัยวะภายใน ทั้ง ปอด ตับไต รวมทั้งเพิ่มสมรรถภาพของระบบต่างๆ 

แต่เห็ดหลินจือกลับ เป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงอายุมากที่สุด เพราะมันช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความจำเสื่อม เพิ่มออกซิเจนในเลือดกระตุ้นการไหลเวียนเลือด บำรุงหัวใจ ต่อต้านสารพิษ และกำลังเพิ่มความฮอตมากขึ้น เพราะนำมาต่อต้านมะเร็ง



สำหรับ คุณสมบัติอันโดดเด่นของหลินจือแดงก็คือ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา บำรุงร่างกายเมื่ออ่อนเพลียหรือขณะพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งช่วยควบคุมระบบไหลเวียนโลหิตให้ไหลเวียนสะดวกมากขึ้น 










วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กางขา แกว่งแขน



การบริหารแกว่งแขนนี้ เดิมทีเดียวเรียกว่า ต๋า โม๋ อี้ จิน จิง ซึ่งก็คือ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพระโพธิธรรม  คำว่า เปลี่ยนเส้นเอ็น มิใช่หมายถึง ผ่าตัดเปลี่ยนเอาเส้นเอ็นออก ตามความเข้าใจของแพทย์แผนปัจจุบัน แต่เป็นการปรับเปลี่ยนแก้ไขสภาพของเส้นเอ็นด้วยการออกกำลังกาย โดยการแกว่งแขน ซึ่งจะผลให้เลือดลมภายในโคจรไหลเวียนได้สะดวก เป็นปรกติไม่ติดขัด   ตำราโบราณนี้จึงเป็นหนังสือวิชาการที่เก่าแก่อายุถึง 1,400 ปี นับได้ว่าเป็นมรดกที่มิอาจประเมินค่าได้ของจีนอีกชิ้นหนึ่งเลย

เกลือแร่คืออะไร

เกลือแร่ หรือ แร่ธาตุ (Mineralsและเป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน ร่างกายต้องการในปริมาณไม่มาก แต่ก็ขาดไม่ได้ โดยเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกายในด้านการช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ ในร่างกาย ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อในทุกๆ อวัยวะ ช่วยควบคุมการทำงานฮอร์โมน และรักษาสมดุลของกระบวนการออสโมซิส และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย เป็นองค์ประกอบของเซลล์ เนื้อเยื่อและเส้นประสาท รวมไปถึงเอนไซม์ ฮอร์โมน และวิตามิน โดยร่างกายของเราจะมีเกลือแร่อยู่ประมาณ 4% ของน้ำหนักตัว พบได้ในอาหารจะมีอยู่ด้วยกันประมาณ 60 ชนิด และที่จำเป็นต่อร่างกายมีประมาณ 17 ชนิด มีอยู่ในร่างกายและในอาหารที่เรารับประทาน





วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พลูคาว ผักดีที่มะเร็งกลัว

พลูคาวตอง
ทั้งต้น ราก และใบ ของพลูคาว สามารถใช้ประโยชน์ได้หมด เรียกว่าเป็นยาสมุนไพรทั้งต้น โดยนำมาต้มเพื่อดื่มเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร หรือนำมาปรุงอาหารก็ได้   สรรพคุณทางยาของพลูคาวมีมากมาย
กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยมะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก และช่วยต้านความเสื่อมของร่างกายได้ ดอกพลูคาวช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ ยอดและใบมีสารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยทำให้แผลอักเสบหายเร็วขึ้น รักษาโรคหืด และบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์
       
       นอกจากนี้ยังพบสารสำคัญชื่อ เควอซิติน ที่มีส่วนช่วยในการไหลเวียนโลหิตในร่างกายเป็นไปตามปกติ จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และสารรูติน ป้องกันการเกิดเส้นเลือดฝอยแตก

        สารสำคัญจากส่วนเหนือดินของพลูคาวมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง 5 ชนิด ในหลอดทดลองได้แก่ เซลล์มะเร็งปอด เซลล์มะเร็งรังไข่ เซลล์มะเร็งสมอง เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และเซลล์มะเร็งผิวหนัง



สนใจอ่านต่อได้ที่ htt://www.thaiherbweb.com


วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไขมันจำเป็นหรือ

                                                            ไขมัน                
                ไขมันเป็นอีกแหล่งพลังงานที่จำเป็นต่อร่างกายเรา แต่ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงานมากถึง 9 กิโลแคลอรี
ฉะนั้นการทานอาหารที่มีไขมันน้อย จะทำให้การลดน้ำหนักเป็นเรื่องง่ายขึ้น

                ไขมันที่เรามักไม่ระวังก็คือ ไขมันที่มาในรูปแบบของน้ำมันที่อยู่ในอาหารที่เราทาน ไขมันประเภทนี้ทำให้คนที่ไม่ทานเนื้อติดมัน ไม่ทานข้าวขาหมูเลยก็สามารถอ้วนขึ้นได้
อย่างไรก็ตามไขมันเป็นหนึ่งในอาหาร 5 หมู่ที่จะเป็นต่อร่างกาย ไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญของ
เส้นผมและผิวของเรา และวิตามิน A D E K จะละลายในไขมันเท่านั้น ฉะนั้นหากเราลดน้ำหนักโดยไม่ทาน
ไขมันเลย (หรือทานน้อยเกินไป) ก็อาจจะส่งผลให้ร่างกายดูดซึมวิตามินดังกล่าวได้น้อยลง เราอาจจะมีปัญหาเรื่องผม ผิว และสุขภาพได้
                นอกจากนี้ อวัยวะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของร่างกายเราคือ สมอง มีไขมันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ
หากเราทานมันไม่เพียงพอก็อาจจะมีผลต่อการทำงานของสมองเราได้เช่นกัน
                สรุปว่าในการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง เรายังคงต้องทานไขมัน โดยทางการแพทย์แนะนำว่าเราควรได้
พลังงานจากไขมันประมาณ 20% ของพลังงานที่เราได้จากอาหารที่เราทาน โดยทานเนื้อสัตว์ต่างๆ (มีเนื้อปลาอย่างน้อย 2 มื้อต่อสัปดาห์) และทานถั่วต่างๆ เพื่อให้ได้ไขมันจากพืชด้วย


วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แป้ง น้ำตาาลน่ารู้



คาร์โบไฮเดรต
                คาร์โบไฮเดรตจะมีอยู่ในข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว คุ้กกี้ เค้ก ไอศกรีม ของ
ขบเคี้ยว ขนมหวาน ผลไม้ เครื่องดื่มต่างๆ เป็นต้น คาร์โบไฮเดรต 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี

คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุด เพราะร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ง่ายที่สุด
คาร์โบไฮเดรตมาก จึงมีโอกาสอ้วนได้เช่นกัน
                ข้อเสียที่สำคัญที่สุดของอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงก็คือ ย่อยง่าย ดูดซึมง่าย ทานแล้วไม่อยู่ท้อง
เมื่อทานเข้าไปแล้วจะอิ่มช้า อิ่มไม่นาน ทำให้ต้องทานอาหารเพิ่ม หากทานอาหารได้พลังงานเท่ากัน ทาน
โปรตีนจะอิ่มเร็วกว่าและอิ่มนานกว่ามาก คาร์โบไฮเดรตจึงเป็นอาหารที่อันตรายสำหรับคนที่ต้องการลด
น้ำหนักเป็นอย่างยิ่ง


ขาดโปรตีนอาจตายได้


ขาดโปรตีนอาจตายได้
                ในการลดน้ำหนักหลายๆ วิธีที่เราทานโปรตีนน้อยเกินไป ทางการแพทย์เตือนว่าหากร่างกายเรา
อยู่ในสภาวะแบบนั้นนานเกินไป ร่างกายจะเริ่มไปดึงโปรตีนจากอวัยวะต่างๆ มาใช้ (อวัยวะจำนวนมากมี
โปรตีนเป็นโครงสร้างหลัก) ซึ่งจะทำให้อวัยวะนั้นทำงานบกพร่องได้ โดยโรคที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผู้ที่

ลดน้ำหนักด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องก็คือ “โรคหัวใจ”
เพราะกล้ามเนื้อหัวใจคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้หัวใจยังคงเต้นปกติ เมื่อร่างกายเริ่มไปดึงเอาโปรตีนมาจาก
กล้ามเนื้อหัวใจ การทำงานของหัวใจก็จะแย่ลงโดยที่เจ้าของหัวใจไม่รู้ตัว เราจึงได้ยินข่าวคนที่ลดน้ำหนัก
ด้วยวิธีที่ผิดๆ หัวใจวายตาย หรือบางคนแม้จะหยุดลดน้ำหนักไปแล้ว แต่กล้ามเนื้อหัวใจก็สูญเสียไปแล้ว
จึงหัวใจวาย หลังจากหยุดลดน้ำหนักไปซักพัก การลดน้ำหนักจึงไม่ใช่เรื่องความสวยงามหรือเรื่องที่เราใช้
วิธีไหนก็ได้ เพราะเราอาจจะตายได้หากเลือกวิธีที่ผิด

สมุนไพรเกรดยามีขายที่ http://www.thaiherbweb.com

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เผาผลาญมาก ลดเร็ว เพิ่มยาก และกระชับ


เผาผลาญมาก ลดเร็ว เพิ่มยาก และกระชับ
                ความสำคัญอีกอย่างของโปรตีนก็คือ ยิ่งร่างกายเรามีโปรตีน (กล้ามเนื้อ) มากขึ้น ก็จะยิ่งเผาผลาญ
พลังงานมากขึ้น โดยทุกๆ 1 ปอนด์ (0.45 kg) ที่เพิ่มขึ้นของกล้ามเนื้อ ร่างกายของเราจะเผาผลาญเพิ่มขึ้น 14
กิโลแคลอรี
                สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก็คือ ในตอนที่เราลดน้ำหนัก  หากเราทานโปรตีนไม่เพียงพอ ร่างกายจะไปถึง
โปรตีนในร่างกายเรามาใช้ ซึ่งจะทำให้ร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อ (โปรตีน) ไปในระหว่างลดน้ำหนักด้วย
                เมื่อร่างกายเราสูญเสียกล้ามเนื้อไป ร่างกายเราก็จะเผาผลาญน้อย ทำให้เราลดน้ำหนักได้ยากขึ้น
และทำให้เมื่อเราลดน้ำหนักได้ตามที่ต้องการแล้วหยุด น้ำหนักของเราจะเพิ่มขึ้นได้ง่าย
                ฉะนั้นในระหว่างที่เราลดน้ำหนัก เราจึงจำเป็นต้องทานโปรตีนให้มากพอ เพื่อที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อ
ของเราคงอยู่ให้มากที่สุด เพราะกล้ามเนื้อที่คงอยู่นี้จะช่วยรักษาระดับการเผาผลาญของเราให้อยู่ในระดับเดิม
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดโยโย่ขึ้น (อธิบายภายหลัง) และโปรตีนที่เราทานเข้าไป ก็จะเข้าไปแทนไขมันที่หาย
ไป ซึ่งช่วยให้เรามีสัดส่วนกระชับไม่หย่อนยานอีกด้วย
                ในทางตรงกันข้าม หากเราลดน้ำหนักโดยทานโปรตีนไม่เพียงพอ จะทำให้เราหิวง่ายขึ้น เราจะ
ควบคุมการทานได้ยากขึ้น เราจะทานมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราลดน้ำหนักได้ยากขึ้นและช้าลง
                และกล้ามเนื้อที่สูญเสียไป ก็จะทำให้ระดับการเผาผลาญของเราลดลง ทำให้เราลดน้ำหนักได้

ยากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดโยโย่ได้ง่าย และยังเป็นการลดน้ำหนักที่สัดส่วนไม่กระชับอีกด้วย