ออกกำลังกาย ลดความอ้วน ต้องนานและหนักแค่ไหน
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจการทำงานของร่างกายเราก่อนว่า ในตอนที่เราเริ่มออกกำลังกาย
(นาทีแรกๆ) ร่างกายจะดึงกลูโคส (น้ำตาล) ในกระแสเลือดมาใช้เป็นพลังงานก่อน หลังจากนั้นเมื่อระดับ
น้ำตาลเริ่มลดลง ร่างกายก็จะเริ่มสลายไกลโคเจน (Glycogen) ที่สะสมในกล้ามเนื้อและตับ เพื่อให้ได้น้ำตาล
ออกมา ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ร่างกายสันดาปโดยยังไม่ต้องใช้ออกซิเจนและไม่ใช้ไขมันที่สะสมในร่างกาย
เราเลย
เราต้องออกกำลังกายต่อเนื่องมากพอ ร่างกายถึงจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการใช้ออกซิเจนในการสันดาป
และเริ่มดึงไขมันที่สะสมในร่างกายมาใช้เป็นพลังงาน โดยจะค่อยๆ ใช้ไขมันเป็นพลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ
ตามระยะเวลาที่ออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งกว่าร่างกายจะเริ่มดึงไขมันที่สะสมมาใช้อย่างจริงจัง ก็จะต้อง
ออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อย 15-20 นาทีขึ้นไป
ฉะนั้นคนส่วนหนึ่งที่เข้าใจว่า การปั่นจักรยานอากาศ การซิทอัพ หรือการเดิน 5-10 นาที ปั่นจักรยาน
เล่น ไปว่ายน้ำ (แต่ส่วนใหญ่แช่น้ำ) เป็นการออกกำลังกาย แล้วคาดหวังว่าจะผอมลงได้จากการเคลื่อนไหว
ร่างกายแค่นี้ ผลเป็นอย่างไรก็คงทราบกันอยู่
ยาลดน้ำหนัก โยโย่ 100%
อันตรายของยาลดน้ำหนักเป็นเหตุผลหลักที่เราไม่ควรทานยาลดน้ำหนัก แต่อีกเหตุผลหนึ่งซึ่งสำคัญ
พอๆ กัน และเป็นเหตุผลที่ทำให้ได้ข้อสรุปว่า แม้ว่าเราจะไม่กลัวตาย เราก็ไม่ควรทานยาลดน้ำหนักอยู่ดี
เหตุผลนั้นก็คือ การทานยาลดน้ำหนักนั้น ไม่ว่าเราจะใช้ความพยายามแค่ไหน สุดท้ายก็จะเกิดโยโย่อยู่ดี
ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วแค่ไหน
สาเหตุที่ทำให้เกิดโยโย่ ก็เพราะว่าเวลาที่เราทานยาลดน้ำหนัก เราจะทานอาหารน้อยมาก ทำให้เรา
ขาดสารอาหาร (โดยเฉพาะโปรตีน) ส่งผลให้ร่างกายเราสูญเสียโปรตีน (กล้ามเนื้อ) ไปด้วย ทำให้ร่างกาย
เผาผลาญน้อยลง (การที่เราสูญเสียกล้ามเนื้อไประหว่างลดน้ำหนัก จะทำให้สัดส่วนลดลงไม่มากอย่างที่ควร
จะเป็น และไม่กระชับ)
นอกจากนี้การที่เราทานอาหารที่ได้พลังงานที่น้อยเกินไป ร่างกายเราจะมีการปรับตัวเหมือนสัตว์
จำศีล ด้วยการทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานน้อยลง ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเราเผาผลาญน้อยลง
ยิ่งเราทานยาลดน้ำหนักนานเท่าไหร่ ร่างกายเราก็จะยิ่งเผาผลาญน้อยลงเท่านั้น และยิ่งร่างกายเรา
เผาผลาญน้อยลงไปเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งลดน้ำหนักยากขึ้นและน้ำหนักเพิ่มง่ายขึ้นเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น