บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

สมุนไพรไทยที่ดังก้องโลก ก่อน หญ้ารีแพร์ หญ้าฮี๋ยุ่ม กว่าพันปี




สมุนไพรไทยที่ดังก้องโลก ก่อน หญ้ารีแพร์ หญ้าฮี๋ยุ่ม กว่าพันปี

หมอยาโบราณส่วนใหญ่จะรู้ว่า สาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี จึงมีชื่อว่า "สาวร้อยผัว" กล่าวคือไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ ดูรายละเอียดได้ที่ ร้านwww.thaiherbweb.com
ซึ่ง รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกกล่าวถึง ในคัมภีร์พระเวท เป็นคัมภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วยซ้ำ จึงน่าจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้รากสามสิบทำเป็นของหวานเช่นเดียวกับเมืองไทย คือ "รากสามสิบแช่อิ่ม" ความหมายคล้ายๆ สาวสองพันปีที่ยังดูสาวเสมอ กินแล้ว รีแพร์ หรือฮี๋ยุ่ม ไม่ใช่กินแล้วสามารถมีผัวได้ร้อยคนอะไรทำนองนั้น
ในตำราอายุรเวทใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเป็นยาบำรุงในผู้หญิง ในการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (female rejuvenation) นอกจากนี้www.thaiherbweb.com ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ของผู้หญิง เช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะหมดอารมณ์ทางเพศ ภาวะหมดประจำเดือน (menopause) บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ ป้องกันการแท้ง (habitual abortion) กระชับรีแพร์ กว่า ฮี๋ยุ่ม
สถิติในปี ค.ศ.1999-2000 อินเดียใช้สมุนไพรชนิดนี้ ซึ่งดีกว่า หญ้ารีแพร์ หรือ หญ้าฮี๋ยุ่ม ถึง 8,460 ตัน เป็นอันดับสองรองจาก มะขามป้อม ที่ใช้อยู่ที่ 15,147 ตัน ปัจจุบันมีสารสกัดด้วยน้ำของรากสามสิบหรือสาวร้อยผัวจากอินเดีย ไปจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement กล่าวคือสามารถขายได้ทั่วไปอย่างอิสระไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ สนใจติดต่อ www.thaiherbweb.com มีของแท้ที่นี่

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

แคลเซียมที่ได้จากการกินมะรุมแคปซูล

                
ถาม  แคลเซียมที่ได้จากการกินมะรุมแคปซูลทำไมจึงดีกว่าแคลเซียมสังเคราะห์
                ตอบ  แคลเซียมที่ได้จากมะรุมแคปซูลเป็นสารจากธรรมชาติ ใบมะรุมแคปซูลมีแร่ธาตุทุกตัวที่ร่างกายต้องการ
ในการย่อยสลายแคลเซียมเพื่อดูดซึมเข้าไปในร่างกายต้องการตัวประกอบหลายตัว เช่น โปแตสเซียม
แมกนีเซียม วิตามินเค และดี เป็นต้น ทั้งยังเสริมสร้างมวลกระดูกจากภายในข้อกระดูกออกมาสู่ภายนอก
ส่วนแคลเซียมสังเคราะห์มักจะไม่มีแร่ธาตุสำคัญเหล่านี้รวมอยู่ด้วย ร่างกายจะย่อยสลายสารสังเคราะห์
เหล่านี้ได้ยาก จึงมักขับออกมากกว่าจะได้ไปใช้งาน อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างมวลกระดูกจากภายนอก

จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกงอก

ใบมะรุมแคปซูลสดหรือแห้งรักษาโรคเบาหวานได้หรือไม่




ถาม  ใบมะรุมแคปซูลสดหรือแห้งรักษาโรคเบาหวานได้หรือไม่

ตอบ  โรคเบาหวานเกิดจากตับอ่อนและม้ามทำงานไม่สมดุล ตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินตาม
ปรกติได้ ใบมะรุมแคปซูลไม่ใช่ยา แต่เป็นอาหารที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ช่วยควบคุมการ
ทำงาน ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายกลับมาทำงานปรกติ และเกิดความสมดุล การกินมะรุมแคปซูลอย่าง
สม่ำเสมอย่อมสามารถช่วยควบคุมอาการเบาหวานให้อยู่ในภาวะปรกติจนอาจหายขาดได้ ในหลายๆ
ประเทศมะรุมแคปซูลมีบทบาทสำคัญในการช่วยผู้ป่วยเบาหวานมาแล้ว มีผู้บริโภคหลาย
ท่าน แจ้งมาว่าการกินมะรุมแคปซูลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เช่น ควบคุมเบาหวานได้เป็นอย่างดี แต่ท่าน

ต้องควบคุมตัวเองด้วย เช่น ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างเคร่งครัดด้วย

หยุดยา ระหว่างการ ทานสมุนไพร มีคำตอบ



ถาม  ถ้าอยู่ระหว่างการรักษาพยาบาล และใช้ยาแพทย์แผนปัจจุบันควรหยุดยาหรือไม่ และจะมีผล
ข้างเคียงอย่างไร ระหว่างยา กับสมุนไพรรักษาโรค
                
ตอบ  จากการค้นคว้าและวิจัยแพทย์หลายสถาบันทั่วโลก ยังไม่พบว่ามีผลข้างเคียงแต่ประการใด ตรงกันข้ามกลับสามารถช่วยให้การรักษาพยาบาลของแพทย์แผนปัจจุบันได้ผลดียิ่งขึ้น เพราะมะรุมแคปซูลเป็น อาหารที่เข้าไปช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและความสมดุลให้ร่างกายเป็นอย่างดี และช่วยให้ยาแพทย์ แผนปัจจุบันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องกับสมุนไพรรักษาโรค
ไม่ควรหยุดยาโดยไม่ได้รับการแนะนำจากแพทย์ การหยุดยากะทันหันเป็นอันตรายต่อร่างกาย และขัดขวาง
การรักษาของแพทย์ ซึ่งอาจเกิดผลร้ายตามมาภายหลัง โปรดจำไว้เสมอว่ามะรุมแคปซูลเป็นเพียงอาหารที่มีคุณสมบัติ ดีเด่นในการบำรุงร่างกาย ไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นสมุนไพรรักษาโรค


วิธีกินมะรุมแคปซูลแคปซูลให้ได้ผลดีที่สุด ควรกินอย่างไร




ถาม  วิธีกินมะรุมแคปซูลแคปซูลให้ได้ผลดีที่สุด ควรกินอย่างไร
ตอบ  ควรกินก่อนอาหารสักครึ่งชั่วโมง จะช่วยลดความอ้วนได้เล็กน้อย ไม่แนะนำให้
กินในมื้อเย็น เพราะมะรุมแคปซูลเป็นตัวขับสารพิษ ดื่มน้ำตามสัก 1 แก้ว เพื่อช่วยให้แคปซูลไหลลงสู่
กระเพาะ กรณีที่มีความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ควรกินหลังอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเวียน
ศรีษะ

ถาม  มีนักวิชาการชาวไทยและต่างประเทศทำการวิจัยและค้นคว้าไว้บ้างหรือไม่
ตอบ  ในระยะ 20 ปี ที่ผ่านมามีการค้นคว้าและวิจัยไม่หยุดยั้ง เช่น มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกิ้นส์
ในสหรัฐอเมริกา และสถาบันมีชื่อเสียงทั่วโลก ทั้งในยุโรปและเอเชีย ในประเทศไทย มีจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น ผลการวิจัยสามารถหาอ่านได้ตามหนังสือพิมพ์ชั้นนำทั่วโลก
และตามเว็บไซต์สำคัญๆ หลายเว็บไซต์ รายการโทรทัศน์ทั่วโลกเริ่มหันมาสนใจหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น
ฟิลิปปินส์ เยอรมัน อังกฤษ สวีเดน และสหรัฐอเมริกา ได้เร่งค้นคว้าอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในด้านการนำมา
ใช้ฟื้นฟูร่างกายให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์แข็งแรง เพื่อช่วยบำบัดโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคเอดส์ อยู่ในภาวะ

ที่ง่ายต่อการรักษา และอาจจะถึงขั้นหายได้

กินเมล็ดมะรุม อันตรายสุดๆ ห้ามๆๆๆ




                ถาม  เมล็ดมะรุมแคปซูลนำมาบดและบรรจุแคปซูลกินได้ไหม
                ตอบ  จากการทดลองของแพทย์และนักวิจัยทั่วโลก ให้ความเห็นตรงกันว่าเมล็ดมะรุมแคปซูลมีคุณอนันต์
และโทษมหันต์ในตัวของมันเอง การนำเมล็ดมาบดและบรรจุแคปซูลให้โทษมากกว่าให้คุณ เพราะการ
บรรจุแต่ละแคปซูลนั้น ปริมาณการบรรจุจะต้องใช้เมล็ดที่แห้งสนิทมากกว่า 15 เมล็ดขึ้นไป ผลเสียคือ
ตัวเมล็ดมะรุมแคปซูลมีน้ำมันสูง เมื่อแกะออกจากเปลือกแล้วนำมาบด น้ำมันจะทำปฏิกิริยากับอากาศและเกิดความ
ชื้น อาจทำให้เกิดเชื้อราหรือปฏิกิริยาทางเคมี เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ มีรายงานจากผู้ที่กิน
บางท่านว่ามีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม

                ประการต่อมา เมล็ดมะรุมแคปซูลมีน้ำตาลธรรมชาติสูงมาก เมื่อกินเข้าไปทุกวันเป็นจำนวนมาก
ร่างกายจะมีความร้อนสูง เป็นสาเหตุให้เปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันเกาะตามผนังลำไส้และกระเพาะ เป็นสาเหตุ
ให้ระบบการดูดซึมไม่สามารถทำงานได้ตามปรกติ นี่คือสาเหตุของการเป็นโรคเบาหวาน โรคไต และโรค
ตับ โดยเฉพาะในกรณีผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว จะเป็นอันตรายค่อนข้างสูง แม้น้ำตาลจากมะรุมแคปซูลจะเป็น
น้ำตาลสายเดียวกับหญ้าหวานก็ตาม การกินอะไรมากๆ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย
                เมล็ดมะรุมแคปซูลมีคุณสมบัติพิเศษคือ มียาปฏิชีวนะในตัว ซึ่งหาได้ยากในพืชใบเขียว การกิน
ยาปฏิชีวนะมากๆ เป็นเวลานานย่อมไม่เป็นผลดี

                ประการสุดท้าย การกินเมล็ดมะรุมแคปซูลเกินขนาดอาจเป็นสาเหตุให้เลือดจับตัวข้น เป็นเหตุให้
หัวใจทำงานหนัก การสูบฉีดโลหิตจะเริ่มมีปัญหาและนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคหัวใจค่ะ เมล็ดนั้นควรนำ
มาใช้งานด้านที่เป็นประโยชน์อื่นๆ มากกว่า การนำเมล็ดมาใช้ผสมกับสมุนไพรตัวอื่นๆ ผู้ผลิตควรเป็นผู้มี
ความรู้ด้านสมุนไพรอย่างดี เพื่อให้ได้ประโยชน์และความปลอดภัยต่อผู้บริโภค เมล็ดไม่ควรแกะทิ้งไว้
ก่อนใช้งาน ต่อเมื่อต้องการจะนำมาใช้จึงค่อยแกะ การกินเมล็ดควรกินเมื่อมีความจำเป็น
เฉพาะโรค และต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เช่น แพทย์ทางเลือก ถ้าจำเป็นต้องกิน

ควรอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ การนำเมล็ดมากินเล่นเป็นอันตรายค่ะ

กิน มะรุม ทุกวัน ตับจะวายไหม แก่ช้าลงไหม



                
ถาม  ใบมะรุมแคปซูลผงบริสุทธิ์กินทุกวันติดต่อกันได้หรือไม่ ควรกินกี่เดือน และหยุด กี่เดือน ชอบคำตอบนี้ กด + 1 นะครับ

ตอบ  ใบมะรุมแคปซูลเป็นอาหารที่เข้าไปบำรุงและเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้สมดุลและ
แข็งแรง การกินติดต่อกันนานๆ ไม่มีผลเสีย ดิฉันกินติดต่อกันทุกวันมาแล้วเป็นเวลาถึง
7 ปี โดยอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ร่างกายก็ยังคงสมบูรณ์แข็งแรงดี ถ้าคุณไม่มั่นใจ วิตก
เพราะนักโภชนาการทั่วไปไม่แนะนำให้กินติดต่อกันเป็นเวลานาน คุณก็สามารถหยุดหลัง 6 เดือน

แล้วกลับมากินใหม่หลังจากที่หยุดไปราว 2 สัปดาห์ก็ได้ค่ะ




                
ถาม  ใบมะรุมแคปซูลผงบริสุทธิ์กินทุกวันติดต่อกันได้หรือไม่ ควรกินกี่เดือน และหยุด กี่เดือน

ตอบ  ใบมะรุมแคปซูลเป็นอาหารที่เข้าไปบำรุงและเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้สมดุลและ
แข็งแรง การกินติดต่อกันนานๆ ไม่มีผลเสีย ดิฉันกินติดต่อกันทุกวันมาแล้วเป็นเวลาถึง
7 ปี โดยอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ร่างกายก็ยังคงสมบูรณ์แข็งแรงดี ถ้าคุณไม่มั่นใจ วิตก
เพราะนักโภชนาการทั่วไปไม่แนะนำให้กินติดต่อกันเป็นเวลานาน คุณก็สามารถหยุดหลัง เดือน

แล้วกลับมากินใหม่หลังจากที่หยุดไปราว 2 สัปดาห์ก็ได้ค่ะ 

ถาม  มะรุมแคปซูลเป็นพืชที่มีการแต่งสายพันธุ์ใหม่หรือไม่
ตอบ  มะรุมแคปซูลเป็นพืชที่ไม่มีการตกแต่งสายพันธุ์ใหม่ การเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามกฎธรรมชาติ จึงปลอดภัยในการกิน


ถาม  มะรุมแคปซูลสามารถช่วยชะลอความชราได้หรือไม่ รักษาแผลเป็นได้ไหม

                
ตอบ  การกินพืชที่มีวิตามินสูงสามารถชะลอและช่วยควบคุมการเสื่อมของร่างกายได้
มะรุมแคปซูลมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมาก เช่น วิตามินเอ ซี อี เค และไบโอฟลาวโอนอย  น้ำมันมะรุมแคปซูลมี
ประสิทธิภาพสูงในการบำรุงรักษาผิวหน้าให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย และช่วยสมานรอยแผล
เป็นบนใบหน้าที่เกิดจากสิวได้ น้ำมันมะรุมแคปซูลยังช่วยสมานแผลผ่าตัดได้ดีด้วย

มะรุมแคปซูล กับ ไตวาย



วิธีตรวจสอบง่ายๆ ให้ทราบว่าไตเริ่มทำงานเป็นปรกติหรือไม่ ดูได้จากการดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำให้มาก
ทุกวัน ถ้าดื่มน้ำมากแล้วปัสสาวะน้อยลง แสดงว่าการทำงานของไตเริ่มเข้าสู่สภาพปรกติ ถ้ามีอาการท้องผูก
แสดงว่าดื่มน้ำน้อยไป เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณควรดื่มน้ำให้มากขึ้น หลังจากนั้นคุณก็สามารถกิน
มะรุมแคปซูลได้ ในกรณีนี้มะรุมแคปซูลจะเข้าไปช่วยเสริมสร้างและบำรุงให้ไตแข็งแรงขึ้น การทำงานของไตก็จะมี

ประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย 

ถาม กินใบมะรุมแคปซูลคั้นน้ำ ใบมะรุมแคปซูลผง มะรุมแคปซูลแคปซูล หมายความว่าให้ เลือกกินเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งใช่ไหมคะ ถ้าในหนึ่งวันเรากินน้ำมะรุมแคปซูล 1 ช้อนโต๊ะแล้ว เราสามารถกินผงมะรุมแคปซูลแคปซูลได้ด้วยหรือไม่ (ในหนังสือบอกว่าถ้ากินมากอาจได้รับ ธาตุเหล็กมากไปซึ่งอาจเป็นอันตรายได้) 

ตอบ  การกินให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ ถ้าคุณดื่มน้ำมะรุมแคปซูลคั้นแล้วก็ไม่ควรกิน
 
แคปซูล อะไรที่มากเกินไปบางครั้งก็ไม่เกิดผลดี ธาตุเหล็กจะเป็นอันตรายต่อเด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต มากกว่าผู้ใหญ่ สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุเกิน 18-20 ปี สามารถกินได้ 4-8 แคปซูลต่อวัน 

สมุนไพรรักษาโรค มะรุมแคปซูล มีผลอย่างไร ต่อ ตับ ไต




สมุนไพรรักษาโรค มะรุมแคปซูลมีส่วนช่วยบำรุงไตอย่างมาก แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคไตอยู่แล้ว มักมีสาเหตุมาจากการดูดซึมของลำไส้ไม่สามารถทำงานได้ตามปรกติ ทำให้ไตทำงานหนักและเป็นโรคไตในที่สุด มะรุมแคปซูลมีโปรตีนและโปแตสเซียมสูงมาก กรณีผู้ป่วยโรคไต การกินมะรุมแคปซูล เป็น สมุนไพรรักษาโรค จะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น แม้ตัวมะรุมแคปซูลจะมีส่วนในการช่วยไตก็จริง จึงไม่แนะนำให้กินจนกว่าระบบการดูดซึมของลำไส้จะเข้าสู่ภาวะปรกติเสียก่อน  ที่ทำให้ไตทำงานไม่ปรกติ ประการแรกคือ การดูดซึมของลำไส้ทำงานไม่ปรกติ สอง ร่างกายสะสมเชื้อราธรรมชาติจากอาหารที่กินเข้าไปทุกวัน เชื้อราแผ่ขยายตามกระเพาะและลำไส้เป็นเยื่อหนา ทำให้การดูดซึมของลำไส้ทำงานไม่สะดวก

                ข้อแรกเกิดจากการกินอาหารทอด อาหารที่มีไขมันมาก อาหารหวาน ของเหล่านี้จะเข้าไป
แปรสภาพเป็นยางเหนียว พอกตามกระเพาะและลำไส้ ทำให้การดูดซึมทำงานยากขึ้นทุกที ถุงน้ำดีทำงาน
หนักและข้น ส่งผลถึงตับ ไตและหัวใจตามลำดับ เป็น สมุนไพรรักษาโรคการแก้ไขง่ายๆ และไม่แพง สามารถทำได้ทุกวันคือ
กินโยเกิร์ตทุกเช้า จุลินทรีย์ที่มีชื่อไพเราะว่าแล็กโตบาซิลลัส จะเข้าไปกินไขมันเหล่านั้นจนหมด
การทำงานของลำไส้จะค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปรกติ แต่การซื้อโยเกิร์ตจากร้านค้า อาจผลิตไว้นานและ
จุลินทรีย์อาจจะอ่อนแรง เมื่อเข้าไปสู่ร่างกายซึ่งมีความร้อนจะทำให้จุลินทรีย์ตายก่อนทำงานให้เรา วิธีง่ายๆ
คือ เอาโยเกิร์ตที่ซื้อมาจากร้าน 1 ถ้วย ผสมนมสดธรรมดาในปริมาณเท่ากัน (ถ้าคุณวิตกเรื่องฮอร์โมนให้ใช้
นมจิตรลดา นมนี้ได้จากแม่วัวที่ไม่มีการเลี้ยงด้วยฮอร์โมน) นมควรอุ่นขนาดที่ใช้นิ้วจุ่มแล้วร้อนพอทนได้
โยเกิร์ตไทยมีความหวานอยู่แล้ว ไม่ควรเติมน้ำตาล เอาโยเกิร์ตและนมผสมให้เข้ากัน ทิ้งไว้ในอุณหภูมิ
ปรกติสักครึ่งชั่วโมง ให้จุลินทรีย์ใหม่มีโอกาสแตกตัวจากการกินไขมันจากนม ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้นม
พร่องมันเนย ก่อนดื่มบีบมะนาว 1 ผล คนให้เข้ากัน แล้วดื่มให้หมด ในกรณีที่แพ้นมสด เมื่อทำเสร็จแล้ว
ให้วางทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วใส่ตู้เย็นไว้กินในวันรุ่งขึ้น จะช่วยให้การแพ้นมดีขึ้นจนถึงขั้นหายได้
ถ้าทำเช่นนี้เป็นประจำจะทำให้ไตค่อยๆ ทำงานดีขึ้น ประมาณ 1 เดือน ก็จะเริ่มเห็นผล จากสมุนไพรรักษาโรค

                กรณีลำไส้ดูดซึมไม่ปรกติเพราะเชื้อรา เราอาจจะตรวจไม่พบและไม่ทราบว่ามีมากน้อยเพียงใด
ในร่างกาย จนกว่าจะสะสมมากๆ และเกิดอันตรายต่อร่างกายแล้ว ซึ่งก็มักจะสายไปทุกที ราเกิดจากอากาศ
สิ่งของที่สัมผัส ความชื้นในบ้าน อาหารที่กินเข้าไปทุกวัน อาหารเหล่านั้นบางชนิดประกอบด้วยรา
ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น อัลฟ่าท็อกซิน เป็นต้น วิธีแก้ที่ง่ายที่สุดคือกินผักที่มีเมือกเยอะๆ เช่น กระเจี๊ยบเขียว ผักปลัง บวบหอม เป็นต้น กินบ่อยๆ เมือกจากพืชเหล่านี้จะสามารถเข้าไป ช่วยฉุดลากเชื้อราออกมาได้ และยังช่วยระบบขับถ่ายได้อย่างดีอีกด้วย