ยาลดไขมันแผนปัจจุบันทำหน้าที่ “ควบคุม” ปริมาณไขมันส่วนเกินในเลือดด้วยการใช้กลไกไปลด
การสร้างไขมันในร่างกาย เมื่อฤทธิ์ยาหมดกลไกดังกล่าวก็จะหายไปด้วย
ร่างกายจึงกลับมาสร้างไขมัน
เพิ่มเติมในร่างกายต่อไปอีกเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาแผนปัจจุบันควบคุมไม่ให้ร่างกายสร้างไขมันขึ้นมาเพิ่ม
เป็นเหมือนการกั้น
น้ำเอาไว้ ทำให้มีแรงดันน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จึงต้องเพิ่มปริมาณยาลดไขมันแผนปัจจุบันหรือให้ยาที่แรงขึ้นกว่า
เดิม เพื่อพยายามสกัดกั้นไขมันไว้
เมื่อใช้ยาเช่นนี้นานวันเข้าก็ทำให้ตับทำงานแย่ลงเรื่อยๆ เกิดภาวะไขมัน
พอกตับตามมาเป็นของแถม
เพราะยาลดไขมันแผนปัจจุบันไม่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายได้
เป็นเพียงการชะลอเวลาให้ไขมันกลับมา “ท่วม”
หลอดเลือดจนเกาะเป็นตะกรันไขมันอุดตันขึ้น
นอกจากนี้ การใช้ยาละลายลิ่มเลือดก็ไม่สามารถละลายไขมันที่เกาะหลอดเลือดได้เช่นกัน
เพียงช่วย
ให้ไขมันในน้ำเลือดไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนไขมันที่เกาะตัวตามผนังเลือดก็ยังคง
อยู่เหมือนเดิม
เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้นแต่ไม่ได้หมายความว่าคราบไขมันที่เกาะอยู่จะหมดไป
มีแต่จะยิ่งเกาะ
สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนความยืดหยุ่นของหลอดเลือดที่ถูกคราบไขมันจับตัวกันก็มีแต่จะแย่ลงไปทุกวัน
เช่นเดียวกันกับการทำบอลลูนหรือบายพาสหัวใจ
ที่ไม่ได้กำจัดตะกรันไขมันส่วนเกินในหลอด
เลือดซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรค เป็นเพียงการแก้ปัญหาอุดตันเฉพาะหน้าแบบ
“ชั่วคราว” เท่านั้น แต่ไม่
ส่งผมต่อหลอดเลือดขนาดเล็กอื่นๆ ทั่วร่างกาย
เนื่องจากอวัยวะภายในของร่างกายเป็นระบบปิด ไขมันจึงวิ่ง
มาจับตัวที่ผนังหลอดเลือดใหญ่ได้ซ้ำอีกเสมอ
จึงสามารถป้องกันหลอดเลือดหัวใจตีบซ้ำได้ เป็นการซื้อเวลา
เพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น