บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด Thaiherbweb

 

                                                                   เบาหวาน

 

#โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรัง และก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดปัญหากับ ฟันและเหงือก ตา ไต หัวใจ หลอดเลือดแดง ท่านผู้อ่านสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆได้ โดยการปรับ อาหาร การออกกำลังกาย และยาให้เหมาะสม

โรคเบาหวานคืออะไร

อาหารที่รับประทานเข้าไปส่วนใหญ่จะเปลี่ยนจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน เซลล์ในตับอ่อนชื่อเบต้าเซลล์ เป็นตัวสร้างอินซูลิน #อินซูลิน เป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอยู่เป็นเวลานานจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ตา ไตและระบบประสาท#สมุนไพรช่วยลดน้ำตาลในเลือด สำหรับใครที่สนใจจะทานสมุนไพรเพื่อรักษาเบาหวานก็ขอแนะนำว่าสมุนไพรเหล่านี้เป็นเพียงทางเลือกเสริม โดยเฉพาะในคนที่ทานยาแผนปัจจุบันแล้วยังไม่สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ลงมาอยู่ในค่าเป้าหมายได้ การติดตามผลน้ำตาลและโรคแทรกซ้อน โดยการไปพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นค่ะรวมถึงการแจ้งแพทย์เกี่ยวกับสมุนไพรที่เราเลือกใช้เสริมเข้ามา เพราะแพทย์จะได้พิจารณาปรับยาให้ผู้ป่วยให้ได้อย่างเหมาะสมค่ะ

                                                                   มะระขี้นก

 

1.มะระขี้นก – มีผลกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ยับยั้งการสร้างกลูโคส ทำให้มีผลลดน้ำตาลในเลือดได้ วิธีใช้คือ คั้นน้ำจากผลสดมื้อละ 2-3 ผล โดยเอาเมล็ดในออก ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย ปั่นคั้นเอาแต่น้ำดื่ม 3 เวลา ก่อนอาหาร หรือนำเนื้อมะระผลเล็ก(มีตัวยามาก) ผ่านำเมล็ดออก หั่นเนื้อมะระเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาชงกับน้ำเดือด (มะระ 1-2 ชิ้น ต่อน้ำ 1ถ้วย) ดื่มเป็นน้ำชา ครั้งละ 1-2 ถ้วย วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร หรือกินในรูปแบบแคปซูลครั้งละ 500-1000 มิลลิกรัม วันละ 1-2 ครั้ง มะระขี้นก จะมีรสขมมากกว่ามะระจีน วิธีลดความขมของ #มะระขี้นก ทำได้ด้วยการต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่เกลือประมาณหยิบมือ แล้วลวกมะระในน้ำเดือดสักครู่ จะทำให้ความขมลดลง มะระที่สุกแล้วจะมีสารซาโปนิน (Saponin) ในปริมาณมาก การรับประทานอาจทำให้มีอาการอาเจียน ท้องร่วงได้ ดังนั้นควรทานผลอ่อน ข้อควรระวังคือ คนท้อง เด็กและคนที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำไม่ควรกิน และควรรับประทานในปริมาณที่พอดี อย่าทำอะไรเกินเลย เพราะความขมจัดของมะระขี้นก อาจทำให้ตับทำงานหนักขึ้น

2.#ช้าพลู – มีงานวิจัยพบว่าน้ำช้าพลูลดน้ำตาลในเลือดของกระต่ายที่เป็นเบาหวานได้ แต่ไม่สามารถลดน้ำตาลในเลือดของกระต่ายปกติได้ วิธีใช้ นำช้าพลูทั้งต้นตลอดถึงราก 1 กำมือ พับเถาเป็น 3 ทบ ใช้ตอกไม้ไผ่มัดเป็น 3 เปลาะ ใส่หม้อต้มกับน้ำพอท่วม ต้มจากน้ำ 3 ส่วน เหลือ 1 ส่วน กินครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร

3.#ผักเชียงดา มีผลช่วยป้องกันการดูดซึมของน้ำตาล ฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน และลดน้ำตาลในเลือดได้ วิธีใช้ให้ใช้ใบแห้งชงกินเป็นน้ำชา ครั้งละ 4 กรัม วันละ 2-3 ครั้ง หรือทานเป็นผักในมื้ออาหาร

4.ตำลึง – มีการใช้เป็นยารักษาเบาหวานมานานนับพันปี จากการทบทวนผลการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบของสมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของทีมนักวิชาการจาก Harvard Medical School พบว่าตำลึงและโสม มีหลักฐานสนับสนุนประสิทธิผลที่ดีที่สุดจากการที่มีการออกแบบการทดลองได้อย่างเหมาะสม ตำลึงแสดงผลการลดน้ำตาลทั้งในสัตว์ทดลองและในคน ตำลึงให้ผลลดน้ำตาลทั้งส่วนที่เป็นใบ ราก ผล โดยใช้เถาแก่ๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ หรือน้ำคั้นจากผลดิบ ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

5.ตดหมูตดหมา - แม้ว่าชื่ออาจจะแปลกไปสักนิด แต่สรรพคุณในการลดระดับน้ำตาลในเลือดนั้นไม่มีบกพร่องเลยแม้แต่น้อยโดยมีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า สารสกัดของใบตดหมูตดหมาสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการเพิ่มการหลั่งของอินซูลินในร่างกาย อีกทั้งสมุนไพรชนิดนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกเพียบ และลดไขมันในเลือดได้ ขณะที่สรรพคุณทางยาพื้นบ้านก็ยังมีอีกไม่น้อย ไม่ว่าจะช่วยล้างพิษ แก้ท้องอืด ท้องผูก ถ่ายพยาธิ แก้อ่อนเพลีย ตกเลือด หรือแม้แต่แก้ปวดเมื่อยก็ช่วยได้เช่นกัน เป็นสมุนไพรพื้นบ้านไทยที่นำมาใช้แล้วไม่ผิดหวัง

 

6.อบเชย - #อบเชย หรือชินนามอน (Cinnamon) เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่มีสารสำคัญในการช่วยเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับ#คอเลสเตอรอลในเลือดในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวานและโรคที่เกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย โดยแค่เพียงโรยผงอบเชยลงในอาหารที่รับประทานก็ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้แล้วล่ะค่ะ

7.เห็ดหลินจือ - อีกหนึ่งสุดยอดสมุนไพรจีนล้ำค่าที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยา ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังมีคุณกับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย เนื่องจากใน #เห็ดหลินจือ มีสารในกลุ่มโพลีแซ็กคาไรด์(Polysaccharide) ซึ่งที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน อีกทั้งยังช่วยให้น้ำตาลที่อยู่ในเลือดถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง

8.บอระเพ็ด - สมุนไพรรสชาติขม อีกชนิดที่อยากให้คุณได้ลอง เพราะเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่อยู่ในตำรับยาไทย ช่วยบำรุงหัวใจ ลดไข้ และช่วยให้เจริญอาหาร ที่สำคัญมีการศึกษาแล้วว่า#บอระเพ็ด มีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่พบผลข้างเคียงอันตรายใด ๆ อีกด้วย ทว่าอาจจะรับประทานยากเพราะขม แต่อย่าลืมนะว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา

9.มะเขือพวง- #มะเขือพวง ที่คนไทยนิยมใส่ลงในอาหารไทยหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน พะแนง หรือในน้ำพริกต่าง ๆ นอกจากสรรพคุณทางยาพื้นบ้านของไทยแล้ว มะเขือพวงก็ยังสามารถช่วยลดรับระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วยโดยมีการศึกษากับหนูทดลองพบว่า น้ำมะเขือพวงสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ขณะที่สรรพคุณในการช่วยย่อยอาหารก็เด่นไม่เป็นรองใคร หากคราวหน้าเจอมะเขือพวงในอาหารอย่าเขี่ยทิ้งล่ะ

10.ชาเขียว - #ชาเขียว สารโพลีฟีนอลในชาเขียวเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังที่ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย โดยสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน" href="http://www.thaiherbweb.com/product/222995/สมุนไพรรักษาเบาหวาน.html">#ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยส่งเสริมการทำงานของอินซูลิน แถมยังเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ก็ควรจะดื่มชาเขียวแท้ ๆ นะคะ แบบที่เติมน้ำตาลเยอะ ๆ นั้นเลี่ยงให้ไกลเลยโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน ไม่งั้นอาจจะได้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาแทน

                                              

 

                          กระเทียม

11.กระเทียม- สารอัลซิลิน (allicin) ที่มีใน #กระเทียม นอกจากจะมีสรรพคุณลด#ความดันโลหิตและลดไขมันในเลือดได้แล้ว ก็ยังมีฤทธิ์ต่อต้านโรคเบาหวาน อีกทั้งมีการศึกษาพบว่าเอทานอลที่อยู่ในกระเทียมสามารถ#ลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเพิ่มการหลั่งของอินซูลินได้ ซึ่งถ้าอยากให้ได้ประโยชน์จากกระเทียมแบบเน้น ๆ อย่างนี้ก็ควรจะรับประทานกระเทียมแบบสด ๆ เพราะกระเที่ยมที่ผ่านความร้อนแล้วจะมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่ากระเทียมสดค่ะ

12.ว่านหางจระเข้- ไม่เพียงแต่ช่วยลดการบวม อาการอักเสบ และช่วยสมานแผลได้เท่านั้น แต่ว่านหางจระเข้ยังเป็นสมุนไพรที่เหมาะจะใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย เพราะมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าน้ำของว่านหางจระเข้สามารถช่วย#ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ทั้งนี้ก็ยังช่วยลดระดับ#ไขมันในเลือด และสรรพคุณพื้นฐานของว่านหางจระเข้ที่ช่วยลดอาการบวมและรักษาแผลก็ยังสามารถใช้กับผู้ป่วยเบาหวานได้ด้วย เพราะผู้ป่วยเบาหวานที่เกิดบาดแผลมักจะมีปัญหาแผลหายช้าทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย 

                  ขมิ้นชัน

15.กระเจี๊ยบเขียว - พืชพื้นเมืองของเอธิโอเปียที่เป็นหนึ่งในผักเคียงในจานน้ำพริกของคนไทยอย่างกระเจี๊ยบเขียว เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และคุณค่าทางโภชนาการสูงลิบ อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือดเนื่องจากกระเจี๊ยบเขียวมีไฟเบอร์สูง โดยเฉพาะไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้สามารถช่วยลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนี้ยังหารับประทานไม่ยากเลยล่ะค่ะ

16.โสม - ด้วยสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์อย่างการเพิ่มภูมิคุ้มกัน และต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ทำให้ #โสม เป็นสมุนไพรที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า โดยมีการค้นพบว่าการรับประทานโสมสามารถช่วยชะลอการดูดซึมของคาร์โบไฮเดรต และเพิ่มการทำงานของเซลล์ ช่วยให้เซลล์สามารถดึงเอากลูโคสไปใช้งานได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มการหลั่งของอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 15-20% เลยทีเดียว

17.ผักเชียงดา - สมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคเบาหวานแบบพื้นบ้านมานานนับพันปี นอกจากคุณประโยชน์ในการช่วยเสริมกำลังแล้ว ผักเชียงดายังสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยเจ้าผักชนิดนี้จะนำเอาน้ำตาลในร่างกายไปเผาผลาญมากขึ้น อีกทั้งยังเข้าไปฟื้นฟูเบต้าเซลล์ของตับอ่อนที่เสียหายจากการถูกน้ำตาลทำลาย ซึ่งเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และ 2 ทั้งนี้ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน แถมยังเพิ่มการหลั่งอินซูลินได้อีกด้วยล่ะ ดีแบบนี้ขอบอกว่าผักเชียงดานั้นมีให้รับประทานง่าย ๆ แบบแคปซูลกันแล้ว ลองหามารับประทานกันได้ค่ะแม้ว่าการใช้สมุนไพรจะช่วยรักษาอาการเบาหวานได้ แต่ก็อย่าลืมว่าสมุนไพรบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย หากคิดจะใช้สมุนไพรควบคู่กับการรักษาละก็ ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรก่อนจะดีที่สุดค่ะ

 

 


เครดิต : http://www.thaiherbweb.com/product-type/1985/เบาหวาน.html

รากปลาไหลเผือกแท้100% บำรุงกำลังสมุนไพรเพื่อบุรุษเพศ Thaiherbweb

 ปลาไหลเผือก

#ปลาไหลเผือก หรือ #ปลาไหลเผือกใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์: Eurycoma longifolia เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ Simaroubaceaeชื่ออื่นๆ กรุงบาดาล (สุราษฎร์ธานี) คะนาง ชะนาง (ตราด) ตรึงบาดาล (ปัตตานี) ตุงสอ แฮพันชั้น (ภาคเหนือ) เพียก(ภาคใต้) หยิกบ่อถองหรือหยิกไม่ถึง เอียนด่อน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ไหลเผือก (ตรัง)เป็นไม้ไม่ผลัดใบ รากกลมโตสีขาว สีขาวนวล รากที่มีอายุหลายปีจะมีความยาวมาก อาจยาวมากกว่า 2 เมตร ลำต้นเรียบสีน้ำตาลเทา ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ดอกช่อออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงสีเขียวอมน้ำตาล ปลายกลีบแดงอมเขียว กลีบดอกสีแดงอ่อนเกสรตัวผู้และตัวเมียสีแดงอ่อน ยื่นยาวกว่าดอก ผลเดี่ยว ทรงกระบอกกลมสั้น ผลแก่แล้วแตก ผลอ่อนสีเขียว แก่แล้วเป็นสีส้ม#ปลาไหลเผือกใหญ่ เป็นพืชที่มีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ใช้ รากถ่ายพิษต่างๆ ถ่ายพิษไข้พิษเสมหะ และโลหิต แก้ไข้ แก้ไข้มาลาเรีย ตัดไข้ทุกชนิด แก้ลม แก้วัณโรคระยะบวม ขับเหงื่อ ขับพยาธิ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้เจ็บคอ #ความดันเลือดสูง อัมพาต ขับถ่ายน้ำเหลือง แก้ท้องผูก ใช้รากเป็นส่วนผสมของยาบำรุงกำลัง นำรากผสมกับรากโลดทะนงแดง และพญาไฟ ฝนน้ำดื่ม แก้ไข้ ใช้เลิกเหล้า รากผสมกับรากย่านางแดง และพญายา ฝนน้ำกินขับพิษ ในตำรายาโบราณ เป็นส่วนผสมของยาสามราก ที่ใช้ขับพิษ และแก้อาการลงแดงจากการติดยาเสพติด เป็นส่วนผสมของยาประสะเหมือดคน และยาจันทน์ลีลา และยาแก้ไข้ห้าราก ชาวโอรังอัสลีในรัฐเประ ประเทศมาเลเซียนำรากไปต้มกับชาใช้กระตุ้นความรู้สึกทางเพศในทางเภสัชวิทยา ปลาไหลเผือกใหญ่ มีฤทธิ์ลดไข้ ต้านมาลาเรีย มีฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึกทางเพศของหนูตัวผู้ ลดความวิตกกังวล เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ต้านการก่อเกิดเนื้องอก #ลดน้ำตาลในเลือด สารออกฤทธิ์ที่สำคัญได้แก่ สารกลุ่มquassinoids เช่น eurycomalactone eurycomanol eurycomanone ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาเลเรียในหลอดทดลอง

สรรพคุณของสมุนไพร รากปลาไหลเผือก 100%

  • ออกฤทธิ์รากปลาไหลเผือก" href="http://thaiherbwebsite.blogspot.com">กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone)

  • ช่วยเพิ่มจำนวนตัวสเปิร์มในน้ำอสุจิ บำรุงสเปิร์มและไขกระดูก

  • ชะลอการหลั่ง แก้ปัญหาอาการหลั่งเร็ว

  • บำรุงกำลัง บำรุงร่างกายให้แข็งแรง

  • เสริมสร้างฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth hormone) ซึ่งจะช่วยในการชะลอความเสื่อมหรือ ชะลอความชราให้กับร่างกาย

  • เสริมสมรรถภาพทางเพศให้สมบูรณ์ โดยช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวดีขึ้น ทำให้เกิดการตื่นตัวทางเพศ ทำให้มีความคงทนในการมีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้น

  • เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือด

  • ป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูง,โรคเบาหวาน,ลดน้ำตาลในเลือด, บำรุงไต

  • ลดไข้ ลดอาการเมื่อยล้า เพิ่มพลังงาน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

  • ประกอบด้วย Superoxide dimutase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ

  • ลดภาวะวัยทองในผู้ชาย และหญิง, แก้ปวดมดลูกและตกขาวในผู้หญิง

  • มีคุณสมบัติในการต่อต้านเซลล์มะเร็งปอดและมะเร็งเต้านมได้ มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย

  • ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง ปวดเอว แก้ปวดกระดูก

  • ใช้ในการรักษาอาการข้อเสื่อมรูมาติก, เกาต์ และอื่นๆ เช่น อาการปวดข้อในหญิงวัยหมดประจำเดือน

ที่เรียกสมุนไพรชนิดนี้ว่า “ปลาไหลเผือก” เนื่องจากรากของสมุนไพรชนิดนี้มีลักษณะเหมือนปลาไหลเผือก คือมีสีขาวยาวๆเหมือนปลาไหลเผือก และยังมีรากเดียว บางครั้งจึงมีคนเรียกว่า พญารากเดียว ส่วนรากปลาไหลเผือก ถ้ามีอายุหลายปี จะมีความยาวมาก บางครั้งยาวมากกว่าความสูงของคนเสียอีก จนทำให้บางท้องที่เรียกปลาไหลเผือกว่า #ตรึงบาดาลประวัติศาสตร์การใช้ประโยชน์เพื่อปรับปรุงสมรรถภาพ และเสริมพลังชีวิตของท่านชาย มานานกว่า ๑,๐๐๐ ปี ปัจจุบันด้วยการเจริญเติบโตของเทคโนโลยี โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์การแพทย์ #ตงกัทอาลี ได้ถูกวิเคราะห์ วิจัย จากทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ถึงบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างพลังชีวิตท่านชาย เพิ่มฮอร์โมนเพศ เสริมสร้างและปรับปรุงสมรรถภาพ #เพิ่มภูมิต้านทาน ลดสภาวะวัยทอง (ใช้ได้ผลทั้งชาย และหญิง) ฯลฯการศึกษาวิจัยสมัยใหม่พบว่ารากปลาไหลเผือกมีสรรพคุณ ในการเพิ่มความแข็งแรง ของนักกีฬาได้อย่างชัดเจนด้วยยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ใช้

- รากปลาไหลเผือก ต้มน้ำดื่ม แก้ไข้ ฝนน้ำดื่ม แก้ปวดท้อง

- รากปลาไหลเผือก นำไปเข้ายาบำรุงกำลัง โดยนำรากปลาไหลเผือก ผสมกับรากโลดทะนงแดง และพญาไฟ ฝนน้ำดื่ม แก้

ไข้ ใช้เลิกเหล้า รากปลาไหลเผือก ผสมรากย่านางแดง และพญายา ฝนน้ำกินขับพิษ รากปลาไหลเผือก ผสมกับ รากโลดทะนงแดง และพญาไฟ ฝนน้ำกิน ทำให้อาเจียน ใช้เลิกเหล้า

ตำรายาไทย

ใช้ รากปลาไหลเผือก รสขม เบื่อเมาเล็กน้อย ถ่ายพิษต่างๆ ถ่ายฝีในท้อง ถ่ายพิษไข้พิษเสมหะ และโลหิต แก้ไข้ แก้ไข้มาลาเรีย ตัดไข้ทุกชนิด แก้ลม แก้วัณโรคระยะบวม ขับเหงื่อ ขับพยาธิ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้เจ็บคอ ความดันเลือดสูง #อัมพาต ขับถ่ายน้ำเหลือง แก้ท้องผูกนอกจากนั้นยังใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาโบราณ ได้แก่“ยาสามราก” (ประกอบด้วยรากพืช 3 ชนิดคือ รากโลดทะนง รากฮังฮ้อน และรากปลาไหลเผือก) ทำให้อาเจียน และถ่ายใช้ล้างพิษยาเสพติด ใช้บำบัดผู้ที่ติดยาเสพติด และแก้อาการลงแดงจากยาเสพติด โดยยานี้จะทำให้อาเจียน และถอนพิษยาเข้าตำรับ “ยาประสะเหมือดคน” แก้ไข้ แก้ร้อนใน นอกจากนั้นยังใช้รากปลาไหลเผือก มาผสมหญ้าแห้วหมู และรากผักติ้วต้มน้ำดื่มแก้ปัสสาวะขัดเป็นส่วนประกอบใน “ตำรับยาจันทน์ลีลา” ใช้รักษาไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดูและตำรับ “ยาแก้ไข้ห้าราก” ช่วยแก้ไข้ แก้พิษไข้ปลาไหลเผือกในการบำรุงกำหนัด

 

ปลาไหลเผือก     

 

ปลาไหลเผือกกระตุ้นให้ อัณฑะผลิตเทสทอสเตอร์โรนมากขึ้นด้วยตัวเอง โดยการส่งสัญญาณไปที่ระบบประสาทส่วนกลางและต่อมพิททุอิทารี่ ไม่ใช่เป็นการให้ฮอร์โมนสังเคราะห์ ร่างกายเราสามารถรับเอาเทสทอสเตอร์โรนสังเคราะห์ได้ แต่ไอ้เจ้าฮอร์โมนสังเคราะห์จะเป็นตัวค่อยขัดขวางระบบต่างๆ ทางเพศ เป็นเหตุให้เจ้าโลก และอัณฑะของเราเหี่ยวเฉาลง เพราะว่าเมื่อเทสทอสเตอร์โรนมีระดับ(เทียม)สูงขึ้น #ฮอร์โมนเพศ ( แอนโดเจน และ เอสโทรเจน) จะส่งสัญญานไปให้ร่างกายสั่งลดระดับหรือหยุดการผลิตเทสทอสเตอร์โรนเอง ของร่างกายลง เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “negative feedback” หรือ “การสนองตอบด้านลบ” ปลาไหลเผือกจะขัดขวางปฏิกิริยานี้ไม้ให้ไปยังระบบประสาทส่วนกลาง และต่อมพิททุอิทารี่ รับรู้เพื่อเหตุผลที่ต้องการให้ร่างกายยังคงผลิต และยกระดับเทสทอสเตอร์โรน ทำให้อัณฑะสามารถผลิตเทสทอสเตอร์โรนได้เต็มหน้าที่ และขีดความสามารถ เจ้าโลก และอัณฑะของท่านก็จะมีการเพิ่มขนาดที่ใหญ่โตขึ้น (ยืนยันว่าจริง)การใช้ในรูปแบบของผงสมุนไพรแคปซูลเพื่อให้กินง่าย ใช้ในการบำรุงสมรรถภาพทางเพศ บำรุงฮอโมนเพศและอื่นๆ เช่นปวดข้อในหญิงวัยหมดประจำเดือน ใช้บำรุงเซ็กซ์ #เสริมสมรรถภาพทางเพศ และช่วยเพิ่มจำนวนตัวสเปิร์มในน้ำอสุจิ เพิ่มความแข็งแรงและความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของตัวสเปิร์ม นอกจากนี้ ยังช่วยในการรักษาโรคต่างๆ โดยเข้าไปเสริมสารต่างๆที่มีผลต่อโรคนั้นเช่นกระเพาะอาการอักเสบ ลดไข้ หอบหืด สร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนเพศหญิง

หมายเหตุ

ซึ่งแนะนำให้กินตอนเช้า-เย็นก่อนอาหาร หรือก่อนนอน ครั้งละ1- 2 แคปซูล กับน้ำอุ่นหรือ กินกับน้ำสไปรท์ จะได้ผลเร็วมาก

หมามุ่ย

ไทยรัฐ วันที่ 18 มิย. 2559เตือน นี่เป็นสาเหตุที่ร้านไม่จำหน่ายสินค้าประเภทนี้เลย เพราะหนึ่งร้านระมัดระวังเรื่องพวกนี้ให้ท่าน และสองให้ซื้อสมุนไพรจากร้านที่มีความรู้ด้านนี้จริงๆ อย่าหลงซื้อจากมือสมัครเล่น สูตรบ้าบอแปลกๆที่ไม่มีในตำรา เอามาผสมกันเคยเห็นสมุนไพรเช่นตรีผลา จตุผลา โสม ย่านาง หญ้าฮี๋ยุ่ม รากสามสิบ ฯลฯ ขายถุงหรือขวดละ 75 – 85 บาทไหมครับบรรจุ 100 แคปซูล ท่านคิดว่าเขาเอาอะไรให้ท่านทาน สมุนไพรมีราหรือเปล่า หรือสมุนไพรผสมแปลก เป็นสูตรคิดเอง เอาของที่คิดว่าดีมาผสมแล้วคิดว่ามันจะดีเป็นสองเท่า สามเท่า แต่ไม่่ใช่นะครับ ยาไทยไม่ใช่เอาอะไรมาผสม มันอาจกลายเป็นยาทำลายตับ ไต ยาพิษ อย่าเลยครับ เป็นมะเร็งมันทรมานนะครับ เงินทองต้องรักษามหาศาล ทานของที่มั่นใจเถิดครับ เป็นแล้วมันแก้ไขไม่ได้นะครับ แวะที่นี่มีแต่ของไม่อันตราย

thaiherbweb.com

 

 

 

 

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : บำรุงกำลังชาย

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.thaiherbweb.com/product/528387/รากปลาไหลเผือก-สมุนไพรไวอากร้า.html

อ่านก่อนกิน ไม่โดนหลอก สมุนไพร เห็ดหลินจือ แคปซูล

สมุนไพรรักษาโรค เห็ดหลินจือ แคปซูล Thai Herb สรรพคุณและประโยชน์ ป้องกันมะเร็ง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน บำรุงร่างกาย ชะลอความชรา เสริมสร้างภูมิต้านทาน                  


เห็ดหลินจือ

#สมุนไพรรักษาโรค เห็ดหลินจือ เป็นยาจีน (Chinese traditional medicine) ที่ใช้กันมานานกว่า 2,000 ปี นับตั้งแต่สมัยจักรพรรดิฉิน ซีฮ่องเต้เป็นต้นมา เห็ดหลินจือ เป็นของหายากมีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรจีน และได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ “เสินหนงเปินเฉ่า” ซึ่งเป็นตำราเก่าแก่ที่สุดของจีนมีคนนับถือมากที่สุด ได้กล่าวไว้ว่า เห็ดหลินจือ เป็น “เทพเจ้าแห่งชีวิต” (Spiritual essence) มีพลังมหัศจรรย์ บำรุงร่างกาย ใช้เป็นยาอายุวัฒนะใน การยืดอายุออกไปให้ยืนยาว ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และยังสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ชาวจีนโบราณต่างยกย่องเห็ดหลินจืออย่างเหนือชั้น ว่าดีที่สุดในหมู่สมุนไพรจีน นอกจากจะมีสรรพคุณเหนือชั้นกว่าแล้วยังปลอดภัยไม่มีพิษใด ๆ ต่อร่างกาย


สรรพคุณและประโยชน์ เห็ดหลินจือ แคปซูล



ในสมัยโบราณ กล่าวกันว่า เห็ดหลินจือทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีกำลัง ทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่ ส่วนสรรพคุณอื่นๆที่ได้รวบรวมไว้ได้แก่ รักษาและต้านมะเร็ง รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ ภาวะมีบุตรยาก การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท ลมบ้าหมู เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ปวดเมื่อย ปวดข้อ โรคเกาต์ โรคเอสแอลอี เส้นเลือดหัวใจตีบ ตับแข็ง ตับอักเสบ ปวดประจำเดือน ริดสีดวงทวาร อาหารเป็นพิษ แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ บำรุงสายตา และความเชื่อดังกล่าว ยังคงสืบทอดกันมาจนถึง+ปัจจุบัน สมุนไพร เห็ดหลินจือ ได้ถูกบันทึกไว้ว่า มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมาก กว่า 100 สายพันธุ์ และสำหรับสายพันธุ์ที่นิยมมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ กาโนเดอร์ม่า ลูซิดั่ม (Ganoderma lucidum) หรือสายพันธุ์สีแดงเห็ดหลินจือมีสารโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นสารยับยั้งอาการต่างๆ ข้างต้น สมุนไพรรักษาโรค เห็ดหลินจือ ในแต่ละชนิดจะมีปริมาณสารโพลีแซคคาไรด์ในปริมาณที่แตกต่างกัน แต่สายพันธุ์ที่มีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุด คือ สมุนไพรรักษาโรค เห็ดหลินจือ แคปซูล ซึ่งมีงานวิจัยต่างๆ พบว่ามีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุดในบรรดาเห็ดหลินจือทั้งหมด


                          เห็ดหลินจือ
ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ สมุนไพร เห็ดหลินจือ แคปซูล ออกมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก การเลือกผลิตภัณฑ์ #เห็ดหลินจือแดง ควรศึกษาตั้งแต่วิธีการเพาะปลูก ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะการจะได้เห็ดหลินจือที่มีคุณภาพที่ดีนั้น ตัวเห็ดหลินจือเอง จะต้องได้รับการเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องความชื้น แสงสว่าง และสารอาหารที่ได้รับ ส่วนขั้นตอนการแปรรูป ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะถือเป็นกระบวนการที่จะสกัดสารโพลีแซคคาไรด์จากตัวเห็ดเองออกมาให้ได้ มากที่สุด นอกจากนี้การบรรจุภัณฑ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้ความสนใจไม่แพ้กัน ควรเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถกันความชื้นได้ดี เพราะว่าความชื้นจะทำให้เห็ดหลินจือขึ้นราได้ เนื่องจากเห็ดหลินจือค่อนข้างไวต่อความชื้น
สรรพคุณของเห็ดหลินจือช่วยบำรุงตับ และรักษาโรคตับ ตับแข็ง ตับอักเสบ แต่มีรายงานทางการแพทย์หลายกรณี ว่า ส่งผลให้ตับอักเสบได้ โดยเฉพาะผู้ผลิตและปลูกโดยไม่มีความรู้ด้านวิศวกรรมเคมียาตะวันออกโบราณอัน ลี้ลับของการใช้เห็ดหลินจือเป็นแกนดูดซับตัวยาอื่นในการบำรุงตับที่แท้จริง กว่า 4000 ปี ในภูมิปัญญาตะวันออก ดังนั้นแพทย์โรคเบาหวานจึงพบผู้ป่วยเป็นโรคตับอยู่บ่อยครั้งในผู้ป่วยที่ไม่ ได้รับประทานเห็ดหลินจือยี่ห้อที่มีสถิติลดเบาหวานได้สูง และควรระมัดระวังการใช้เป็นอย่างมากในผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบที่มีการ ติดต่อทางน้ำลาย ทางที่ดีผู้รับประทานควรตรวจเลือดหาไวรัสตับอักเสบก่อนรับประทาน หรือไปบริจาคเลือดบ่อยๆ แล้วขอดูผลเลือด

ประโยชน์ของเห็ดหลินจือ แคปซูล เห็ดหลินจือสรรพคุณ ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สีหน้าแจ่มใส ช่วยบำรุงและรักษาสายตา สรรพคุณ เห็ดหลินจือ แคปซูล ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยทำให้อายุยืนยาว ช่วยชะลอแก่ ชะลอวัย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ช่วยส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้น ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้นอนหลับได้สนิท ช่วยทำให้ประสาทสัมผัสต่างๆ ดีขึ้น สรรพคุณและประโยชน์ สมุนไพร เห็ดหลินจือ แคปซูล ช่วยรักษาและต่อต้านมะเร็ง โดยส่งเสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็งช่วยแก้พิษจากรังสี คีโม เช่น เม็ดเลือดขาวต่ำจากคีโม ท้องเสียอักเสบจากการฉายรังสี อาการปวดจากพิษบาดแผล ช่วยลดความดันโลหิตและรักษาโรคความดันโลหิตสูง ช่วยปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำให้สมดุล ช่วยรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยป้องกันเส้นเลือดในสมองและหัวใจอุดตัน ป้องกันอัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยลด #ไขมันในเลือด ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคหมอนรองกระดูกแตกกดทับเส้นประสาทให้ทุเลายิ่ง ขึ้น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมอาการเบาหวาน ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ หอบหืด ช่วยรักษาโรคประสาท สรรพคุณของ เห็ดหลินจือ ช่วยบำรุงตับ และรักษาโรคตับ ตับแข็ง ตับอักเสบ เห็ดหลินจือรักษาโรคไตเรื้อรังบางชนิด โดยช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตให้ดีขึ้น ประโยชน์ของเห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคลมบ้าหมู ช่วยแก้อาการอาหารเป็นพิษ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ประโยชน์เห็ดหลินจือช่วยขับปัสสาวะ ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ ประโยชน์ของเห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคเกาต์ ช่วยสลายใยแผลเป็น หรือพังผืดหดยืด ทำให้ในแผลเป็นอ่อนนิ่มและหดตัวเล็กลง ช่วยยับยั้งเชื้อไวรัส อย่าง ไวรัสเอดส์ อีสุกอีใส งูสวัด ช่วยรักษาโรคลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง (SLE) หรือโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ช่วยแก้อาการป่วยบนที่สูง เช่น อาการหูอื้อ ช่วยรักษาโรคที่มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจน เช่น ถุงลมโป่งพอง หัวใจหล้มเหลว เส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน ช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก ช่วยป้องกันการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ สมุนไพร เห็ดหลินจือ จัดเป็นสเตียรอยด์ธรรมชาติ ซึ่งไม่มีสารพิษหรือผลข้างเคียงเหมือนกับสเตรียรอยด์สังเคราะห์

หลินจือ                         เห็ด


เห็ดหลินจือเป็นของหายากมีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรจีน เห็ดหลินจือ  บำรุงคนชรา บำรุงหัวใจ เห็ดหลินจือ เป็น King of Herb เมื่อ คุณสมบัติพิเศษของเห็ด คือโครงสร้างและสารประกอบภายในที่สามารถปรับตัวและป้องกันตัวเองได้ในทุก สภาวะแวดล้อมส่งผลด้านบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการ และเป็นเครื่องมือเสริมการรักษาโรคได้ยอดเยี่ยมฉันนั้น
วัยเด็กและวัยหนุ่มสาว สมุนไพร เห็ดหลินจือ แคปซูล Thai Herb ช่วย ส่งเสริมการเจริญเติบโต และพัฒนาการ บำรุงกำลังและเสริมความแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานโรค บำรุงสมองและสติปัญญา ที่สำคัญช่วยบำรุงสมรรถภาพไตพอ ก้าวสู่วัยทำงานและกลางคน เจ้าเห็ดมหัศจรรย์ เหมาะใช้เพื่อความงามของผิวพรรณ ลดรอยด่างดำ คงความอ่อนวัย และบำรุงอวัยวะภายใน ทั้ง ปอด ตับไต รวมทั้งเพิ่มสมรรถภาพของระบบต่างๆ
แต่เห็ดหลินจือกลับ เป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงอายุมากที่สุด เพราะมันช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความจำเสื่อม เพิ่มออกซิเจนในเลือดกระตุ้นการไหลเวียนเลือด บำรุงหัวใจ ต่อต้านสารพิษ และกำลังเพิ่มความฮอตมากขึ้น เพราะนำมาต่อต้านมะเร็ง
ฆาตกรฆ่ามะเร็งอย่างเห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค และกำจัดเซลล์มะเร็งได้ พวกมันมีวิธีหาอาหารโดยสร้างเอ็มไซม์ ออกไปย่อยสลายสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตภายนอก ซึ่งอาจเป็นวิธีการเดียวกับที่ใช้ย่อยสลายเชื้อโรคและเซลล์มะเร็งด้วย

สำหรับผู้มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร วิงเวียน นอนไม่หลับ มือเท้าเย็น ไอ สมุนไพร เห็ดหลินจือ
นอก จากนั้นยังใช้รักษาร่วมกับผู้ป่วยได้หลายโรค อาทิ โรคมะเร็งที่ใช้เคมีบำบัด และการฉายรังสี เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัส โรคเอดส์ โรคทางสมองทั้งหลาย โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง-ต่ำ โรคตับ โรคไต รูมาตอยด์ โรคเอสแอลดี และผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นต้น

เมื่อมีประโยชน์ ก็มีโทษได้ หากบริโภคไม่ถูกวิธี หากเราใช้เห็ดที่บริสุทธิ์และมีคุณภาพดีแล้ว มันไม่มีโทษแต่ประการใด สามารถใช้ได้ต่อเนื่องตลอดไป ครั้งแรกนั้น คุณหมอสุรพลแนะนำให้เริ่มจากปริมาณน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทุก 3 วัน ที่น่าสนใจคือ สามารถใช้เห็ดหลินจือเพียงชนิดเดียว หรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ ตลอดจนไม่มีฤทธิ์ตีกับยาที่รับประทานอยู่ หรือการรักษาอย่างอื่นก็ได้
แม้จะมีไม่โทษ แต่มีผลข้างเคียงสำหรับบางคน นอกจากเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยหนัก รวมทั้งผู้มีประวัติแพ้ยาจะต้องปรึกษาแพทย์ตามธรรมเนียมแล้ว ในระยะแรก คนปกติก็อาจมีอาการท้องเสีย คอแห้ง หรือมีผื่นคัน แต่ก็มักจะหายได้เองภายใน 2-7 วัน แต่ถ้ายังมีอาการข้างเคียงดังกล่าวอยู่ แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อนหนึ่งสัปดาห์ แล้วลองเริ่มต้นใหม่

สำหรับ คุณสมบัติอันโดดเด่นของหลินจือแดงก็คือ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา บำรุงร่างกายเมื่ออ่อนเพลียหรือขณะพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งช่วยควบคุมระบบไหลเวียนโลหิตให้ไหลเวียนสะดวกมากขึ้น

ความมหัศจรรย์ของเห็ดหลินจือแดงนั้นได้รับการยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์ทางเลือก โดยมีหลักฐานรายงานการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ในเห็ดหลินจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ ทำงานประสานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรค คืนพลังการฟื้นฟูร่างกายที่ธรรมชาติเคยมอบให้กับมนุษย์ อักเสบ มีการเจ็บปวดหรืออาการทางจิตประสาท การบริโภคเห็ดหลินจือก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://thaiherbweb.com/product/223785/เห็ดหลินจือแท้-100-.html

โรคท้องอืด แน่นท้อง สมุนไพรช่วยย่อย

โรคท้องอืด แน่นท้องท้องอืด

#โรคท้องอืด แน่นท้อง #อาหารไม่ย่อย หรือโรค Dyspepsia นั้น มีลักษณะเป็นอาการแน่นท้อง ปวดท้อง หรือรู้สึกไม่สบายบริเวณท้องด้านบนส่วนกลางหรือบริเวณลิ้นปี่ ผู้ป่วยอาจเล่าว่ามีอาการแน่นท้อง อิ่มเร็ว ท้องอืด #ท้องเฟ้อ เป็นตัน
โรคนี้เป็นกลุ่มอาการที่มีสาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยพบได้บ่อยประมาณ 25% ของคนทั่วไป ส่วนใหญ่มีอาการเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ต้องหยุดงาน หรือประสิทธิภาพในการทำงานแย่ลง


**การวินิจฉัย
แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกายเพื่อแยกผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่นๆ ไปก่อน เช่น #โรคกรดไหลย้อนจากกระเพาะสู่หลอดอาหาร ปวดท้องจาก#โรคของทางเดินน้ำดี และ#โรคลำไส้แปรปรวน ซึ่งอาจมีอาการคล้ายกันออกไปก่อน เนื่องจากแนวทางในการรักษาโรคเหล่านี้แตกต่างไปจากภาวะ Dyspepsia โดยทั่วไปโรคนี้มักไม่ทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง ยกเว้นมีภาวะแทรกซ้อนจากภาวะอื่น

 

**สาเหตุของโรคท้องอืด แน่นท้อง Dyspepsia

โรค Dyspepsia อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้หลายอย่างด้วยกัน ประมาณ 30 – 50% ของผู้ป่วยสามารถตรวจ พบสาเหตุของอาการได้ แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยจะหาสาเหตุของอาการไม่พบ ซึ่งเรามักเรียกผู้ป่วยในกลุ่มนี้ว่า Functional Dyspepsia หรือ NUD (non-ulcer Dyspepsia)

 

สมุนไพรแก้ท้องอืด

 

**สาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการ Dyspepsia ได้แก่
1. อาหาร มีอาหารหลายชนิดที่อาจเป็นสาเหตุที่ผู้ป่วยมักจะบอกว่าทำให้เกิดอาการ เป็นมากขึ้น อาหารเหล่านี้ ได้แก่อาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด มะเขือเทศ สุรา หรือแอลกอฮอล์ อาหารมัน และกาแฟ
2. ยา ยามีหลายชนิดที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองของทางเดินอาหาร และทำให้เกิดอาการ เช่น ยาแก้ปวดกระดูก ยาคลายเส้น ยาปฏิชีวนะ ธาตุเหล็ก ยาความดันบางชนิด การหยุดยาสามารถทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้นได้
3. โรคของกระเพาะอาหารและลำไส้เป็นแผล
4. โรคของตับและตับอ่อนอักเสบ
5. โรคทางกายจากระบบอื่นนอกทางเดินอาหารเช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่มีโรคต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไตทำงานน้อย เป็นต้น
6. Functional Dyspepsia หรือ NUD (non-ulcer Dyspepsia)


ในปัจจุบันจึงแนะนำให้ทดลองรักษาด้วยการกินยาไปก่อน ยกเว้นผู้ป่วยจะมีลักษณะที่บอกว่ามีโอกาสสูงต่อการรักษาด้วยยา ส่วนการตรวจหาสาเหตุด้วยการส่องกล้องตั้งแต่เริ่มแรก สามารถทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น หรือลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ดีกว่าการรักษาด้วยยา และเนื่องจากการส่องกล้องตรวจภายในทางเดินอาหารปัจจุบันสามารถทำได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถทำได้ค่อนข้างสะดวกและปลอดภัย ส่วนการแสดงอาการของผู้ป่วย Dyspepsia ที่อาจบ่งบอกว่าผู้ป่วยน่าจะมีสาเหตุของอาการจากโรคที่ร้ายแรง ได้แก่ อาการกลืนลำบาก น้ำหนักลด เลือดออกในทางเดินอาหาร ตรวจพบเลือดในอุจจาระ ถ่ายอุจจาระดำ หรือมีอาการของลำไส้อุดตัน เช่น อาเจียนมาก ซึ่งถ้าผู้ป่วยมีอาการต่างๆ เหล่านี้ บ่งบอกว่าผู้ป่วยควรได้รับการส่องกล้องภายในทางเดินอาหารส่วนต้น

ชาอบเชย

**การส่องกล้องตรวจภายในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น
ปัจจุบันเป็นการตรวจมาตรฐานในการตรวจหาความผิดปกติของทางเดินอาหารส่วนบน ในผู้ป่วย เนื่องจากมีความแม่นยำสูง และในกรณีที่จำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อมาตรวจทางพยาธิวิทยา ก็สามารถที่จะทำได้โดยมีความแม่นยำสูงมาก ในการวินิจฉัย#โรคแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น หลอดอาหารอักเสบ รวมทั้งมะเร็งภายในทางเดินอาหารส่วนต้น และสามารถทำการรักษาในภาวะได้ด้วย
ในผู้ป่วย Dyspepsia ทุกรายที่มีอาการเตือนของโรคร้ายแรงควรได้รับการส่องกล้องตรวจ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี ที่มีอาการมาไม่นาน และไม่เคยเป็นมาก่อน ควรได้รับการตรวจโดยการส่องกล้อง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเป็น#มะเร็งภายในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น การส่องกล้องก็เป็นการตรวจที่สามารถช่วยยืนยันให้ผู้ป่วยลดความกังวลดังกล่าว

 

**การดูแลตนเอง
1. ถ้ามีอาการเป็นๆ หายๆ หรือมีอาการน่าสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุร้ายแรง เช่น ปวดรุนแรง ปวดนานเกิน 6 ชั่วโมง กระเทือนถูกเจ็บ อาเจียน ถ่ายอุจจาระดำ ตาเหลือง ตัวเหลือง น้ำหนักลด ปวด ร้าวขึ้นคอ ขากรรไกร ไหล่ หรือต้นแขน เป็นต้น ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
2. ข้อแนะนำการปฏิบัติตัวดังนี้
 งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง ช็อกโกแลต น้ำอัดลม อาหารที่ทำให้กำเริบ (เช่น ของมัน ของหวาน รสจัด) หลีกเลี่ยงยา (เช่นแอสไพริน ยาแก้ปวดข้อ)
 กินอาหารให้ตรงเวลาทุกมื้อและควรกินอาหารมื้อเย็นก่อนเวลาเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
 ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด อย่ารีบเร่ง อย่ากินจนอิ่มมากเกินไป
 หลังกินอาหารอิ่ม อย่าล้มตัวลงนอน หรืออยู่ในท่าก้มงอตัว และอย่ารัดเข็มขัดแน่น
 ถ้าน้ำหนักตัวมาก ควรลดน้ำหนัก
 ถ้าเครียด ควรออกกำลังกายเป็นประจำ และหาวิธีผ่อนคลายความเครียด

  • พริกไทยดำ  พริกไทยดำ

    #พริกไทยดำ พริกไทยดำเป็นสมุนไพรที่ทำให้เลือดลมเดินได้สะดวก ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วย#กระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานดี เครื่อง เทศที่มีกันอยู่ทุกครัวเรือน "พริกไทย" พริกไทยเม็ดเล็ก ๆ นี่แหละค่ะที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์มากมาย

    คราวนี้มาดูกันว่าความมหัศจรรย์ทางยาของราชาเครื่องเทศ มีมากน้อยแค่ไหนในตำรายาไทย กล่าวว่า

     รากพริกไทย มีรสร้อน แก้ปวดท้อง แก้ลมวิงเวียน ขับลมในลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร

     เถาพริกไทย รสร้อน แก้ท้องร่วงอย่างรุนแรง แก้เสมหะในทรวงอก

     ใบพริกไทย รสเผ็ดร้อน แก้ลม #แก้จุกเสียด แน่น ปวดมวนท้อง

     ดอกพริกไทย รสเผ็ดร้อน แก้ตาแดง

     เมล็ดพริกไทย รสเผ็ดร้อน แก้ลม อัมพฤกษ์ บำรุงสายตา แก้ท้องอืดท้องเฟ้อแก้เสมหะ แก้ตกขาว

    ส่วนทางแพทย์แผนปัจจุบันพบว่า พริกไทยกระตุ้นการไหลของน้ำลายและน้ำย่อย ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร กระตุ้นให้กล้ามเนื้อในกระเพาะและลำไส้เคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้อาหารถูกย่อยง่าย

กานพลู กานพลู

#กานพลู เรอ ผู้มีอาการทรมานอันเกิดจาก ท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นท้อง มีลมในกระเพาะ ทำให้ให้อึดอัด ทรมานตอนอิ่ม ช่วยไล่แก๊สในกระเพาะอย่างได้ผล
บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีการใช้กานพลู ในยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏในตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ ”ยาหอมนวโกฐ” โดยมีส่วนประกอบของกานพลูร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง ตำรับยารักษากลุ่มอาการทางระบบอาหาร ประกอบด้วย “ยาธาตุบรรจบ” มีส่วนประกอบของกานพลูร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ และอาการท้องเสียที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ และตำรับ “ยาประสะกานพลู” มีกานพลูเป็นองค์ประกอบหลัก และมีสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย เนื่องจากธาตุไม่ปกติ

 ลูกยอ

ยอ…สมุนไพรของการแพทย์ไทย

#ยอ Morinda citrifolia Linn. เป็นสมุนไพรที่เป็นยาอายุวัฒนะของสังคมไทย เพราะนอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารสูงทั้งในใบและผลแล้ว ยอยังเป็นยาช่วยย่อย บำรุงธาตุไฟ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ อันเป็นปัจจัยแรกที่จะทำให้ร่างกายเป็นปกติ ไม่เสียสมดุล นอกจากนี้ คนสมัยก่อนจะกินยอเพื่อแก้ท้องอืดอาหารไม่ย่อย เพราะยอเป็นยาร้อน ซึ่งความเป็นยาร้อนก็จะช่วยเพิ่มพลังของธาตุไฟที่ช่วยในการเคลื่อนไหว และการไหลเวียนต่างๆ ให้แก่ร่างกาย รับประทานมากจะทำให้ธาตุไฟเผาผลาญซึ่งทำให้ร่างกายผ่ายผอมลงได้ ในแง่ประโยชน์ทางยาการรับประทาน ยอจะช่วยในการย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย 

ผลของยอมีรสเผ็ดร้อนช่วยขับลมในลำไส้ แก้คลื่นเหียนอาเจียน ช่วยย่อยอาหาร บำรุงธาตุไฟได้ดีนัก จึงนิยมใช้ทำยารักษาโรคท้องอืดท้องเฟ้ออาหารไม่ย่อย การใช้ผลลูกยอจะมีสรรพคุณที่แรงกว่าใช้ใบ กินแล้วผายลมสบายท้องดีจริงๆ

อบเชยสมุนไพรช่วยย่อย" href="#www.thaiherbweb.com">สมุนไพรช่วยย่อย

สำหรับ ผงอบเชยละเอียดที่โรยลงในเครื่องดื่ม หรือ ขนมหวาน นอกจากเพื่อให้เกิดความสวยงามน่าดื่มกินแล้วนั้น ยังแฝงไปด้วยสรรพคุณที่สามารถช่วยรักษาระดับปริมาณน้ำตาลในเลือดให้คงที่ นอกจากนี้ อบเชยยังช่วยแก้อาการ จุกเสียด แน่นท้อง ขับลม ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องร่วง ขับปัสสาวะ ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลียได้ อบเชยมีคุณสมบัติช่วยในการรักษาโรคเบาหวาน ป้องกันไม่ให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนของเลือด และยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราด้วย



เครดิต : http://www.thaiherbweb.com/product-type/1990/กระเพาะ-ท้องเฟ้อ.html

รากปลาไหลเผือก (Tongkat Ali) สรรพคุณ

รากปลาไหลเผือก หรือปลาไหลเผือกใหญ่  (Tongkat Ali)  ชื่อวิทยาศาสตร์: Eurycoma longifolia เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ Simaroubaceae ชื่ออื่นๆ กรุงบาดาล (สุราษฎร์ธานี) คะนาง ชะนาง (ตราด) ตรึงบาดาล (ปัตตานี) ตุงสอ แฮพันชั้น (ภาคเหนือ) เพียก (ภาคใต้) หยิกบ่อถองหรือหยิกไม่ถึง เอียนด่อน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ไหลเผือก (ตรัง)เป็นไม้ไม่ผลัดใบ รากกลมโต สีขาว สีขาวนวล รากที่มีอายุหลายปีจะมีความยาวมาก อาจยาวมากกว่า 2 เมตร ลำต้นเรียบสีน้ำตาลเทา ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ดอกช่อออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงสีเขียวอมน้ำตาล ปลายกลีบแดงอมเขียว กลีบดอกสีแดงอ่อนเกสรตัวผู้และตัวเมียสีแดงอ่อน ยื่นยาวกว่าดอก ผลเดี่ยว ทรงกระบอกกลมสั้น ผลแก่แล้วแตก ผลอ่อนสีเขียว แก่แล้วเป็นสีส้ม




ปลาไหลเผือกใหญ่เป็นพืชที่มีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพรใช้ รากถ่ายพิษต่างๆ ถ่ายพิษไข้พิษเสมหะ พร้อมด้วยโลหิต แก้ไข้ แก้ไข้มาลาเรียตัดไข้ทุกชนิด แก้ลม แก้วัณโรคระยะบวม ขับเหงื่อ ขับพยาธิ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบแก้เจ็บคอ ความดันเลือดสูง อัมพาต ขับถ่ายน้ำเหลือง แก้ท้องผูกใช้รากเป็นส่วนผสมของยาบำรุงกำลัง นำรากผสมกับรากโลดทะนงแดง และพญาไฟ ฝนน้ำดื่มแก้ไข้ ใช้เลิกเหล้า รากประสมประเสกับรากย่านางแดง และพญายา ฝนน้ำรับประทานขับพิษในคัมภีร์ยาโบราณ เป็นส่วนผสมของยาสามราก ที่ใช้ขับพิษและแก้อาการลงแดงจากการติดยาเสพติด เป็นส่วนผสมของยาประสะเหมือดคน และยาจันทน์ลีลาและยาแก้ไข้ห้าราก  ชาวโอรังอัสลีในรัฐเประประเทศมาเลเซียนำรากไปต้มกับชาใช้กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ

ในทางเภสัชวิทยา ปลาไหลเผือกใหญ่ มีฤทธิ์ลดไข้ ต้านมาลาเรีย มีคุณค่ากระตุ้นความรู้สึกทางเพศของหนูตัวผู้ ลดความวิตกกังวล เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการก่อเกิดเนื้องอก ลดน้ำตาลในเลือด สารออกฤทธิ์ที่สำคัญตัวอย่างเช่น สารกลุ่ม quassinoids เช่น eurycomalactone eurycomanol eurycomanone ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งความเติบโตของเชื้อมาเลาเรียในหลอดทดลอง
ชาวไทยมุสลิมภาคใต้จะเรียกปลาไหลเผือก ว่า ตูกะอาลี หรือตุงกัตอาลี (Tongkat Ali) คือ สมุนไพรที่ช่วยปลุกเร้าและเติมให้สมรรถภาพทางเพศชายด้วยวิธีธรรมชาติอย่างได้ผล เนื่องจาก รากปลาไหลเผือก ประกอบด้วยสารที่ออกฤทธิ์เพิ่มสมรรถภาพทางเพศชายโดยตรงในปริมาณที่สูง ซึ่งสูตรลับนี้ค้นพบโดยนักวิจัยชาวสหรัฐอเมริกาคือ นายแพทย์ เรย์ ซาฮีเลี่ยน (Dr.Ray Sahelian MD.) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรที่ช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ตงกัตอาลี เป็นสมุนไพรที่หลายประเทศให้การยอมรับมานาน โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย รัฐบาลมาเลเซียส่งเสริมให้เป็นสมุนไพรส่งออกจนมีชื่อเสียงของประเทศ สมุนไพรชนิดนี้พบพานมากทางภาคใต้ของไทย ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปินส์

คุณประโยชน์ของสมุนไพร รากปลาไหลเผือก 100%
  • ออกฤทธิ์สนับสนุนการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone)
  • ช่วยเสริมจำนวนตัวสเปิร์มในน้ำอสุจิ บำรุงสเปิร์มและไขกระดูก
  • ชะลอการหลั่ง แก้ปัญหาอาการหลั่งเร็ว
  • บำรุงกำลัง บำรุงร่างกายให้แข็งแรง
  • เสริมสร้างฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth hormone) ซึ่งจะช่วยในการชะลอความเสื่อมถอยหรือ ประวิงความชราให้กับร่างกาย
  • เสริมสมรรถภาพทางเพศให้สมบูรณ์ โดยช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวดีขึ้น ทำให้เกิดการตื่นตัวทางเพศ ทำให้มีความคงทนในการมีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือด
  • ปกป้องการเกิดโรคความดันโลหิตสูง,โรคเบาหวาน,ลดน้ำตาลในเลือด, บำรุงไต
  • ลดไข้ ลดอาการเมื่อยล้า เพิ่มพลังงาน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  • ประกอบด้วย Superoxide dimutase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • ลดภาวะวัยทองในผู้ชาย และหญิง, แก้ปวดมดลูกและตกขาวในผู้หญิง
  • มีคุณสมบัติในการต่อต้านเซลล์มะเร็งปอดและมะเร็งเต้านมได้ มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย
  • ช่วยช่วยเหลืออาการปวดหลัง ปวดเอว แก้ปวดกระดูก
  • ใช้ในการรักษาอาการข้อเสื่อมรูมาติก, เก๊าต์ กับอื่นๆ เช่น อาการปวดข้อในหญิงวัยหมดประจำเดือน



จากผลงานวิจัยจนเกิดการจดสิทธิบัตรอีกหลายฉบับ จึงทำให้เกิดเป็นผลิตผลออกกำจัดทั้งภายในและต่างประเทศ โดยจะเป็นของซื้อของขายที่อยู่ในรูปของอาหารเสริมและเครื่องดื่มเป็นหลัก ซึ่งจะใช้ ปลาไหลเผือก เป็นส่วนประกอบหลัก ในการผลิตสินค้ามากกว่า 100 ชนิด โดยทั้งหมดจะเน้นไปที่คุณสมบัติทางด้านการเสริมสมรรถภาพทางเพศเป็นหลัก และอาจกล่าวได้เป็นไวอากร้าจากธรรมชาติกันเลยทีเดียว

อ่านก่อนกิน ไม่โดนหลอก สมุนไพร เห็ดหลินจือ แคปซูล

สมุนไพรรักษาโรค เห็ดหลินจือ แคปซูล Thai Herb สรรพคุณและประโยชน์ ป้องกันมะเร็ง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน บำรุงร่างกาย ชะลอความชรา เสริมสร้างภูมิต้านทาน                  


เห็ดหลินจือ

#สมุนไพรรักษาโรค เห็ดหลินจือ เป็นยาจีน (Chinese traditional medicine) ที่ใช้กันมานานกว่า 2,000 ปี นับตั้งแต่สมัยจักรพรรดิฉิน ซีฮ่องเต้เป็นต้นมา เห็ดหลินจือ เป็นของหายากมีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรจีน และได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ “เสินหนงเปินเฉ่า” ซึ่งเป็นตำราเก่าแก่ที่สุดของจีนมีคนนับถือมากที่สุด ได้กล่าวไว้ว่า เห็ดหลินจือ เป็น “เทพเจ้าแห่งชีวิต” (Spiritual essence) มีพลังมหัศจรรย์ บำรุงร่างกาย ใช้เป็นยาอายุวัฒนะใน การยืดอายุออกไปให้ยืนยาว ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และยังสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ชาวจีนโบราณต่างยกย่องเห็ดหลินจืออย่างเหนือชั้น ว่าดีที่สุดในหมู่สมุนไพรจีน นอกจากจะมีสรรพคุณเหนือชั้นกว่าแล้วยังปลอดภัยไม่มีพิษใด ๆ ต่อร่างกาย


สรรพคุณและประโยชน์ เห็ดหลินจือ แคปซูล



ในสมัยโบราณ กล่าวกันว่า เห็ดหลินจือทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีกำลัง ทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่ ส่วนสรรพคุณอื่นๆที่ได้รวบรวมไว้ได้แก่ รักษาและต้านมะเร็ง รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ ภาวะมีบุตรยาก การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท ลมบ้าหมู เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ปวดเมื่อย ปวดข้อ โรคเกาต์ โรคเอสแอลอี เส้นเลือดหัวใจตีบ ตับแข็ง ตับอักเสบ ปวดประจำเดือน ริดสีดวงทวาร อาหารเป็นพิษ แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ บำรุงสายตา และความเชื่อดังกล่าว ยังคงสืบทอดกันมาจนถึง+ปัจจุบัน สมุนไพร เห็ดหลินจือ ได้ถูกบันทึกไว้ว่า มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมาก กว่า 100 สายพันธุ์ และสำหรับสายพันธุ์ที่นิยมมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ กาโนเดอร์ม่า ลูซิดั่ม (Ganoderma lucidum) หรือสายพันธุ์สีแดงเห็ดหลินจือมีสารโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นสารยับยั้งอาการต่างๆ ข้างต้น สมุนไพรรักษาโรค เห็ดหลินจือ ในแต่ละชนิดจะมีปริมาณสารโพลีแซคคาไรด์ในปริมาณที่แตกต่างกัน แต่สายพันธุ์ที่มีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุด คือ สมุนไพรรักษาโรค เห็ดหลินจือ แคปซูล ซึ่งมีงานวิจัยต่างๆ พบว่ามีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุดในบรรดาเห็ดหลินจือทั้งหมด


                          เห็ดหลินจือ
ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ สมุนไพร เห็ดหลินจือ แคปซูล ออกมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก การเลือกผลิตภัณฑ์ #เห็ดหลินจือแดง ควรศึกษาตั้งแต่วิธีการเพาะปลูก ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะการจะได้เห็ดหลินจือที่มีคุณภาพที่ดีนั้น ตัวเห็ดหลินจือเอง จะต้องได้รับการเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องความชื้น แสงสว่าง และสารอาหารที่ได้รับ ส่วนขั้นตอนการแปรรูป ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะถือเป็นกระบวนการที่จะสกัดสารโพลีแซคคาไรด์จากตัวเห็ดเองออกมาให้ได้ มากที่สุด นอกจากนี้การบรรจุภัณฑ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้ความสนใจไม่แพ้กัน ควรเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถกันความชื้นได้ดี เพราะว่าความชื้นจะทำให้เห็ดหลินจือขึ้นราได้ เนื่องจากเห็ดหลินจือค่อนข้างไวต่อความชื้น
สรรพคุณของเห็ดหลินจือช่วยบำรุงตับ และรักษาโรคตับ ตับแข็ง ตับอักเสบ แต่มีรายงานทางการแพทย์หลายกรณี ว่า ส่งผลให้ตับอักเสบได้ โดยเฉพาะผู้ผลิตและปลูกโดยไม่มีความรู้ด้านวิศวกรรมเคมียาตะวันออกโบราณอัน ลี้ลับของการใช้เห็ดหลินจือเป็นแกนดูดซับตัวยาอื่นในการบำรุงตับที่แท้จริง กว่า 4000 ปี ในภูมิปัญญาตะวันออก ดังนั้นแพทย์โรคเบาหวานจึงพบผู้ป่วยเป็นโรคตับอยู่บ่อยครั้งในผู้ป่วยที่ไม่ ได้รับประทานเห็ดหลินจือยี่ห้อที่มีสถิติลดเบาหวานได้สูง และควรระมัดระวังการใช้เป็นอย่างมากในผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบที่มีการ ติดต่อทางน้ำลาย ทางที่ดีผู้รับประทานควรตรวจเลือดหาไวรัสตับอักเสบก่อนรับประทาน หรือไปบริจาคเลือดบ่อยๆ แล้วขอดูผลเลือด

ประโยชน์ของเห็ดหลินจือ แคปซูล เห็ดหลินจือสรรพคุณ ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สีหน้าแจ่มใส ช่วยบำรุงและรักษาสายตา สรรพคุณ เห็ดหลินจือ แคปซูล ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยทำให้อายุยืนยาว ช่วยชะลอแก่ ชะลอวัย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ช่วยส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้น ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้นอนหลับได้สนิท ช่วยทำให้ประสาทสัมผัสต่างๆ ดีขึ้น สรรพคุณและประโยชน์ สมุนไพร เห็ดหลินจือ แคปซูล ช่วยรักษาและต่อต้านมะเร็ง โดยส่งเสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารต้านมะเร็งช่วยแก้พิษจากรังสี คีโม เช่น เม็ดเลือดขาวต่ำจากคีโม ท้องเสียอักเสบจากการฉายรังสี อาการปวดจากพิษบาดแผล ช่วยลดความดันโลหิตและรักษาโรคความดันโลหิตสูง ช่วยปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำให้สมดุล ช่วยรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยป้องกันเส้นเลือดในสมองและหัวใจอุดตัน ป้องกันอัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยลด #ไขมันในเลือด ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคหมอนรองกระดูกแตกกดทับเส้นประสาทให้ทุเลายิ่ง ขึ้น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมอาการเบาหวาน ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ หอบหืด ช่วยรักษาโรคประสาท สรรพคุณของ เห็ดหลินจือ ช่วยบำรุงตับ และรักษาโรคตับ ตับแข็ง ตับอักเสบ เห็ดหลินจือรักษาโรคไตเรื้อรังบางชนิด โดยช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตให้ดีขึ้น ประโยชน์ของเห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคลมบ้าหมู ช่วยแก้อาการอาหารเป็นพิษ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ประโยชน์เห็ดหลินจือช่วยขับปัสสาวะ ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ ประโยชน์ของเห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคเกาต์ ช่วยสลายใยแผลเป็น หรือพังผืดหดยืด ทำให้ในแผลเป็นอ่อนนิ่มและหดตัวเล็กลง ช่วยยับยั้งเชื้อไวรัส อย่าง ไวรัสเอดส์ อีสุกอีใส งูสวัด ช่วยรักษาโรคลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง (SLE) หรือโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ช่วยแก้อาการป่วยบนที่สูง เช่น อาการหูอื้อ ช่วยรักษาโรคที่มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจน เช่น ถุงลมโป่งพอง หัวใจหล้มเหลว เส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน ช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก ช่วยป้องกันการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ สมุนไพร เห็ดหลินจือ จัดเป็นสเตียรอยด์ธรรมชาติ ซึ่งไม่มีสารพิษหรือผลข้างเคียงเหมือนกับสเตรียรอยด์สังเคราะห์

หลินจือ                         เห็ด


เห็ดหลินจือเป็นของหายากมีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรจีน เห็ดหลินจือ  บำรุงคนชรา บำรุงหัวใจ เห็ดหลินจือ เป็น King of Herb เมื่อ คุณสมบัติพิเศษของเห็ด คือโครงสร้างและสารประกอบภายในที่สามารถปรับตัวและป้องกันตัวเองได้ในทุก สภาวะแวดล้อมส่งผลด้านบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการ และเป็นเครื่องมือเสริมการรักษาโรคได้ยอดเยี่ยมฉันนั้น
วัยเด็กและวัยหนุ่มสาว สมุนไพร เห็ดหลินจือ แคปซูล Thai Herb ช่วย ส่งเสริมการเจริญเติบโต และพัฒนาการ บำรุงกำลังและเสริมความแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานโรค บำรุงสมองและสติปัญญา ที่สำคัญช่วยบำรุงสมรรถภาพไตพอ ก้าวสู่วัยทำงานและกลางคน เจ้าเห็ดมหัศจรรย์ เหมาะใช้เพื่อความงามของผิวพรรณ ลดรอยด่างดำ คงความอ่อนวัย และบำรุงอวัยวะภายใน ทั้ง ปอด ตับไต รวมทั้งเพิ่มสมรรถภาพของระบบต่างๆ
แต่เห็ดหลินจือกลับ เป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงอายุมากที่สุด เพราะมันช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความจำเสื่อม เพิ่มออกซิเจนในเลือดกระตุ้นการไหลเวียนเลือด บำรุงหัวใจ ต่อต้านสารพิษ และกำลังเพิ่มความฮอตมากขึ้น เพราะนำมาต่อต้านมะเร็ง
ฆาตกรฆ่ามะเร็งอย่างเห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค และกำจัดเซลล์มะเร็งได้ พวกมันมีวิธีหาอาหารโดยสร้างเอ็มไซม์ ออกไปย่อยสลายสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตภายนอก ซึ่งอาจเป็นวิธีการเดียวกับที่ใช้ย่อยสลายเชื้อโรคและเซลล์มะเร็งด้วย

สำหรับผู้มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร วิงเวียน นอนไม่หลับ มือเท้าเย็น ไอ สมุนไพร เห็ดหลินจือ
นอก จากนั้นยังใช้รักษาร่วมกับผู้ป่วยได้หลายโรค อาทิ โรคมะเร็งที่ใช้เคมีบำบัด และการฉายรังสี เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัส โรคเอดส์ โรคทางสมองทั้งหลาย โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง-ต่ำ โรคตับ โรคไต รูมาตอยด์ โรคเอสแอลดี และผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นต้น

เมื่อมีประโยชน์ ก็มีโทษได้ หากบริโภคไม่ถูกวิธี หากเราใช้เห็ดที่บริสุทธิ์และมีคุณภาพดีแล้ว มันไม่มีโทษแต่ประการใด สามารถใช้ได้ต่อเนื่องตลอดไป ครั้งแรกนั้น คุณหมอสุรพลแนะนำให้เริ่มจากปริมาณน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทุก 3 วัน ที่น่าสนใจคือ สามารถใช้เห็ดหลินจือเพียงชนิดเดียว หรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ ตลอดจนไม่มีฤทธิ์ตีกับยาที่รับประทานอยู่ หรือการรักษาอย่างอื่นก็ได้
แม้จะมีไม่โทษ แต่มีผลข้างเคียงสำหรับบางคน นอกจากเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยหนัก รวมทั้งผู้มีประวัติแพ้ยาจะต้องปรึกษาแพทย์ตามธรรมเนียมแล้ว ในระยะแรก คนปกติก็อาจมีอาการท้องเสีย คอแห้ง หรือมีผื่นคัน แต่ก็มักจะหายได้เองภายใน 2-7 วัน แต่ถ้ายังมีอาการข้างเคียงดังกล่าวอยู่ แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อนหนึ่งสัปดาห์ แล้วลองเริ่มต้นใหม่

สำหรับ คุณสมบัติอันโดดเด่นของหลินจือแดงก็คือ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา บำรุงร่างกายเมื่ออ่อนเพลียหรือขณะพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งช่วยควบคุมระบบไหลเวียนโลหิตให้ไหลเวียนสะดวกมากขึ้น

ความมหัศจรรย์ของเห็ดหลินจือแดงนั้นได้รับการยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์ทางเลือก โดยมีหลักฐานรายงานการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ในเห็ดหลินจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ ทำงานประสานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรค คืนพลังการฟื้นฟูร่างกายที่ธรรมชาติเคยมอบให้กับมนุษย์ อักเสบ มีการเจ็บปวดหรืออาการทางจิตประสาท การบริโภคเห็ดหลินจือก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://thaiherbweb.com/product/223785/เห็ดหลินจือแท้-100-.html

ความจริงของ สมุนไพรลดหน้าท้อง สมุนไพรไทยที่ใช้ ลดน้ำหนัก

 

 จตุผลาธิกะ

#จตุผลาธิกะ ประกอบด้วยผลไม้ 4 อย่าง คือ #สมอไทย #สมอพิเภก #สมอเทศ #มะขามป้อม ผลไม้ทั้ง 4 อย่างมีรส เปรี้ยว ฝาด ขม นำ และหวานน้อยตาม เมื่อมา

ประกอบกันในอัตราส่วนเสมอภาค มีสรรพคุณในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเสมหะ เมือกมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในอวัยวะหลายส่วน เช่น ปอด หลอดอาหาร หัวใจ

หลอดเลือด ลำไส้ เมื่อใดที่เสมหะ เมือกมันมีส่วนเกินเนื่องจากอาหาร หรือมีไข้ การกำจัดส่วนเกินไปเป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้นร่างกายก็จะป่วยไข้ได้

ความขมในจตุผลาธิกะ จะไปช่วยปรับระดับองค์ความร้อนในร่างกาย ขณะที่ความหวาน จะช่วยเชื่อมสมานเนื้อเยื่อให้สมบูรณ์ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ยาชุดนี้เป็น

ยาที่ช่วยขจัด ควบคุม และบำรุง ไปในตัว นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการขับถ่ายของเสียในร่างกายที่ออกมาในรูปของลม อุจจาระ เหงื่อ อีกด้วย

มีผลงานวิจัยสรุปว่า เป็นยาที่ช่วยต่อ #ต้านอนุมูลอิสระ ต้านอย่างไร ก็ได้อธิบายไปในเรื่องการกำจัดเสมหะและเมือกมันส่วนเกินไปแล้ว ผู้ที่มีสิวมาก ทานยาชุดนี้

จะช่วยแก้สิวเป็นผลพลอยได้

สรุปได้ว่าเป็นยาที่ช่วยรักษาสมดุลของธาตุทั้งสี่ เวลาเช้าก่อนทานอาหาร ทานบ้างหยุดบ้าง อย่าไปเคร่งครัดว่าต้องทานทุกวัน เมือใดที่รู้สึกว่าทานอาหารมัน

สมุนไพรลดน้ำหนัก

เลี่ยน ก็ทานมากหน่อย เมื่อใดที่รู้สึกว่าอาหารที่ทานเข้าไปเป็นอาหารที่ดี สารพิษน้อย ก็หยุดทานได้ จะกำหนดตายตัวไม่ได้ว่า เท่าใดจึงพอไม่ได้ เพราะธาตุและ

สภาพร่างกาย วิธีการใช้ชีวิตประจำวัน อาหาร อารมณ์ อากาศที่ได้รับของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

สรรพคุณ จตุผลาธิกะ

การศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบว่า จตุผลาธิกะสมุนไพรไทยทั้ง 4 ชนิด มีคุณสมบัติในการกำจัดอนุมูลอิสระได้สูงมาก ดังนั้น เป็น จตุผลาธิกะ #สมุนไพรลดน้ำ

หนัก สมุนไพรลดน้ำหนัก" href="http://thaiherbweb.blogspot.com">#สมุนไพรลดหน้าท้อง #สมุนไพรลดความอ้วน ที่

1. ช่วยให้ผิวขาวปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ #ผิวพรรณดี เปล่งปรั่ง สามารถนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยทำให้หน้าท้องแบบราบ ถ่ายไขมันออกโดยเฉพาะหน้าท้อง

3. #บำรุงเลือด การทำงานของเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง คนส่วนใหญ่มักจะไม่ตระหนักถึงความสำคัญของระบบเลือด ทั้งที่ระบบเลือด ทางสายเอกที่จะนำ

เอาอาหาร ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ผิวขนาดเดียวกันก็กลับนำสารพิษของเสียออกมาทิ้ง และโรคหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดอย่างคาดไม่ถึง ฉะนั้นสมุนไพร

ทองเนื้องามตัวนี้มีสรรพคุณ ช่วยปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเองและเป็นสมุนไพรลดความอ้วน

เมื่อทาน จตุผลาธิกะ (ทานร่วมกับสมุนไพรลดน้ำหนักอื่นๆตามรายการล่างสุดได้อย่างดี)

เดือนแรก ถ่ายดำ เมือกมันสูง

เดือนที่สี่ พุง ลดหน้าท้อง_จตุผลาธิกะ.html">#หน้าท้องยุบ อย่างรู้สึกได้ น้ำหนักลดลง ผิวดี สีสม่ำเสมอ

ทานต่อเนื่องเพื่อน้ำหนักลด ไม่มีอาการปวดหัว ใจไม่สั่น ตับไม่พัง ไตไม่พัง ต่อเนื่องกัน 4-6 เดือน

จตุผลาธิกะ

#สมุนไพรลดน้ำหนัก

ตอนนี้หลายๆคนคงหา#วิธีลดน้ำหนักกันอยู่ ทั้งไปออกกำลังกาย ทั้งยอมอดอาหาร และบางคนก็เน้นทานอาหารเสริม แต่เดี๋ยวก่อนอาหารเสริมนั้นก็หาใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป เพราะอาจจะมีสารตกค้าง หรือสารอันตรายเจือปนอยู่ก็เป็นได้พวกอาหารเสริมนั้นก็ทำการสกัดมาจากสมุนไพรธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น ทำไมเราไม่ลองมาทานผัก ผลไม้ หรือสมุนไพรสดๆ หรือนำมาปรุงอาหาร ทำเครื่องดื่มกันไปเลย ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมลดน้ำหนักแพงๆด้วยเพราะมี#สมุนไพรไทยที่ นิยมนำมาใช้ในการช่วยลดน้ำหนักมากมาย ดังนี้

มะนาว

ถ้าจะให้พูดถึงสมุนไพรที่รสชาติเปรี้ยวจี๊ดที่สามารถลดน้ำหนักได้ ก็คงต้องนึกถึงมะนาวอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มะนาวกลายเป็นพืชสมุนไพรยอดนิยมที่นำมาใช้ในการลดน้ำหนัก แถมสูตรในการลดน้ำหนักด้วยน้ำมะนาวก็ยังมีหลากหลายเหตุผลที่น้ำมะนาวสามารถลดความอ้วนอย่างได้ผลก็เป็นเพราะมะนาวมีกรดต่าง ๆ ซึ่งช่วยในการสลายไขมัน นอกจากนี้มะนาวยังมีวิตามินซีสูง เมื่อได้รับเข้าไปในปริมาณที่พอเหมาะก็จะทำให้ไขมันในร่างกายลดลง ระดับไตรกลีเซอไรด์ก็จะเป็นปกติ ไขมันเลวจะลดลงและช่วยให้ไขมันดีเพิ่มขึ้น แถมมะนาวยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหารได้ ใครที่กำลังอยากจะลดความอ้วนแล้วชอบรสเปรี้ยวล่ะก็ มะนาวนี่ล่ะไม่ควรพลาด

เม็ดแมงลัก

แม้ว่าเม็ดแมงลักจะไม่ได้มีสารอาหารที่ช่วยในการลดความอ้วนโดยตรง แต่เม็ดแมงลักก็สามารถช่วยใน#การควบคุมอาหารได้ เพราะเม็ดแมงลักเป็นพืชที่ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน แถมยังสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า หากนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และช่วยให้ทานอาหารได้น้อยลงนอกจากนี้เม็ดแมงลักยังสามารถรับประทานได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรอีกด้วย แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบกินเม็ดแมงลักจืดๆก็ลองนำไปกับผสมเครื่องดื่อื่นๆ ได้ตามใจชอบ แต่ก็ต้องนำไปแช่น้ำให้พองจนเต็มที่ก่อน ไม่งั้นอาจทำให้ท้องอืดและท้องผูกแทน

ลูกสำรอง

ลูกสำรอง หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า "พุงทะลาย" ซึ่งก็มีสรรพคุณในการลดความอ้วนได้เหมือนชื่อเลยล่ะ เพราะลูกสำรองเมื่อนำไปแช่น้ำก็จะเกิดการพองตัวและเมื่อรับประทานเข้าไปก็จะ ทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดไขมันให้ออกมาจากร่างกาย ล้างไขมันที่อยู่ในลำไส้ ด้วยการดูดซับไขมันเอาไว้แล้วขับออกมาในรูปแบบของการขับถ่ายแต่ก็มีข้อมูลทางเภสัชวิทยาพูดถึงการกินลูกสำรองติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดลดลงได้ ดังนั้นถ้าคิดจะใช้ลูกสำรองในการช่วยลดน้ำหนักก็ควรจะรับประทานให้พอเหมาะ

กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดงที่เรานำมาทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบ เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลือที่ติดอยู่กับผลสามารถใช้เป็น#ยาลดไขมันในเส้นเลือด โดยได้มีการศึกษาวิจัยและทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูงแล้วพบว่าระดับไตรกลี เซอไรด์ #คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น แล้วก็ยังช่วยบรรเทาความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจให้น้อยลงขณะที่ในประเทศอียิปต์ ยังมีการนำกระเจี๊ยบแดงทั้งต้นมาต้มกินเป็นยาลดน้ำหนัก เนื่องจากเป็นยาระบายและยังช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้อีกด้วย แต่เราไม่จำเป็นตองไปหาต้นกระเจี๊ยบมาต้มกินก็ได้นะคะ ถ้าอยากลดน้ำหนักด้วยกระเจี๊ยบจริง ๆ ละก็ ก็ลองหาน้้ำกระเจี๊ยบที่ไม่ผสมน้ำตาลมาดื่มก็จะช่วยได้เหมือนกันนะ

คำฝอย       

#ดอกคำฝอย เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ดีต่อการลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยขับเหงื่อ ซึ่งเหมาะมากหากจะนำมาชงดื่มก่อนนอน เพราะเป็นยาระบายอ่อน ๆ สามารถช่วยในการขับถ่าย ลดหน้าท้อง และช่วยลดน้ำหนัก ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อดอกคำฝอยสำเร็จรูปมาชงดื่มได้ง่ายแต่ถ้าใครชอบความสดใหม่มากกว่าก็สามารถหาซื้อดอกคำฝอยที่มีสีแดงจัดมาต้มใน น้ำเดือดประมาณ 5 นาที แล้วกรองเอาแต่น้ำ ถ้าหากอยากได้รสชาติหวานก็สามารถเติมน้ำตาลได้ตามชอบ แต่ถ้าหากจะดื่มเพื่อลดความอ้วนล่ะก็ ควรจะเปลี่ยนมาใส่หญ้าหวานแทนเพื่อให้ได้รสชาติหวาน แถมยังได้ลดความอ้วนได้อีกด้วย

กะเพรา

กะเพราเป็นพืชสมุนไพรที่เรานิยมนำมาทำอาหารกันอย่างแพร่หลาย แถมยังเป็นอาหารยอดนิยมอีกด้วย ซึ่งสรรพคุณของกะเพรา ที่เรารู้กันดีอยู่แล้วนั่นก็คือมีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง และแก้ปวดท้องอุจจาระได้ แต่สรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการที่เราไม่ค่อยจะทราบกันนั่นก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาลทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้งกะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย

 

 กระเทียม

กระเทียม

กระเทียม สมุนไพรที่คนไทยมักนิยมนำมาทำเป็นอาหารมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหนก็ต้องมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบ แต่ต้องเป็นกระเทียมสดเท่านั้นส่วนกระเทียมที่ผ่านการนำไปปรุงในอาหารแล้วไม่สามารถช่วย#ลดความอ้วนได้ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะในกระเทียมนั้นมีสารอัลลิซินซึ่งมีคุณสมบัติในการลด #คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด, ช่วยลดน้ำตาลกลูโคสในเลือด, ช่วยเสริมประสิทธิภาพของยาฆ่าเชื้อรา,ช่วยลดการอักเสบ, มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ, ยับยั้งเนื้องอกและเซลล์มะเร็งบางชนิด ซึ่งมีการทดลองพบว่าถ้าหากรับประทานกระเทียมวันละ 10 กลีบ จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลนั้นลดลง 14% ไขมันไม่ดีอย่าง LDL ลดลง 17% และไขมันดีอย่าง HDL เพิ่มขึ้นสูงถึง 41% เลยทีเดียว แต่สารอัลลิซินนั้นจะถูกทำลายเมื่อไปสัมผัสกับน้ำมันและความร้อน ดังนั้นจึงควรที่จะรับประทานกระเทียมสด ๆอย่างน้อยวันละ 3-5 กลีบเล็กก่อนอาหารเพื่อลดน้ำหนักแต่ถ้าอยากเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วย ก็ให้รับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหาร ก็จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้มากขึ้นได้ แต่ก็อย่าลืมเรื่องกลิ่นปากและกลิ่นตัวด้วยเพราะกระเทียมนั้นกลิ่นแรงมาก

พริก

ไม่น่าเชื่อว่าพริกจะมีความสามารถช่วยลดความอ้วนได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพริกมีวิตามินซีสูง ซึ่งเจ้าวิตามินซีนี่ล่ะที่จะไปช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และช่วยในระบบขับถ่ายอีกด้วย นอกจากวิตามินแล้ว ในพริกยังมีสารแคปไซซิน(Capsaicin), โอลีโอเรซิน (Oleoresin) และกรดแอสคอร์บิก ซึ่งกรดแอสคอร์บิกนี่ล่ะที่มีบทบาทสำคัญในการลดความอ้วน เพราะมันจะไปช่วยให้ไขมันถูกเผาผลาญกลายเป็นพลังงานได้ดี ถ้าหากใครที่เป็นคนที่ร่างกายมีการเผาผลาญต่ำ การกินพริกเข้าไปบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้นอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พริกจะช่วยลดความอ้วนได้ แต่ก็ต้องรับประทานเป็นจำนวนมากถึงจะได้รับสารอาหารที่อยู่ในพริกเพียงพอ ดังนั้นถ้าหากต้องการใช้พริกช่วยในการลดความอ้วน แนะนำให้รับประทานพริกในรูปแบบของสารสกัดจะดีกว่าทานแบบสด ๆ เป็นกำ ๆ ที่อาจทำให้ท้องอืด ปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะได้อีกต่างหาก

หญ้าหวาน

หญ้าหวานถือเป็นสมุนไพรที่นอกจากจะให้ความหวานได้เหมือนน้ำตาลแล้ว ยังช่วยให้สามารถลดความอ้วนได้ด้วย เพราะหญ้าหวานเป็นพืชที่ไม่ให้พลังงานและแคลอรี่ต่ำมาก สามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มหรือนำไปปรุงรสชาติอาหารแทนน้ำตาลก็ได้ทั้งนั้น แถมความหวานที่ได้จากหญ้าหวานยังมากกว่าน้ำตาลถึง200-300 เท่าของซูโครส และหากรับประทานเป็นประจำก็ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

 #ขมิ้นชัน

ขมิ้นมีสารพฤกษเคมีที่เรียกว่าเคอร์คูมิน ซึ่งสารชนิดนี้จะไปช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ไขมัน ทำให้สามารถช่วยลดไขมันได้ โดยขมิ้นชันสามารถรับประทานได้ทั้งสดและนำไปปรุงกับอาหาร ถ้าหากนำไปปรุงกับอาหารจำพวกทอดก็จะช่วยย่อยไขมันในอาหารได้อีกด้วย และที่สำคัญไม่ควรให้ขมิ้นอยู่ในความร้อนมากกว่า 65 องศาเพราะอาจจะทำให้เกิดสารสเตรอยด์ในขมิ้นได้

 

  ;

#ส้มแขก

ในผลส้มแขกมีสาร HAC หรือสารไฮดรอกซีซิตริกแอสิด อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารที่ว่านี้เป็นสารมีคุณสมบัติที่ดีในการเข้าไปสกัดและยับยั้งการสะสม ของไขมันส่วนเกินไนร่างกาย และยังช่วยทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หน้าท้องยุบ รูปร่างเพรียวขึ้น โดยคนส่วนใหญ่ก็มักจะรับประทานในรูปแบบของสารสกัดเสียมากกว่าและการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ส้มแขกในการลดความอ้วนนั้นก็ควรเลือกขนาดปริมาณ 300–600 มก.และรับประทานตามที่ฉลากระบุเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม เราก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน ลดพวกของทอดของมัน และออกกำลังกายมาก ๆ เพื่อที่การลดน้ำหนักจะได้ มีประสิทธิภาพและไม่กลับมาอ้วนอีก

บุก

บุกเป็นพืชที่คนกำลังลดความอ้วนนิยมนำมารับประทาน เพราะบุกมีสารกลูโคแมนแนน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วย กลูโคส แมนโนสฟรุคโทส มีลักษณะข้น ๆ เหนียว ๆ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อิ่มเร็ว เพราะความเหนียวหนืดของกลูโคแมนแนนจะชะลอการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหาร ไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จึงทำให้การบริโภคอาหารอื่น ๆ น้อยลงไปโดยปริยาย แถมยังมี#กากใยสูงทำให้ดีต่อลำไส้และการขับถ่ายอีกด้วย



เครดิต : http://www.thaiherbweb.com/product-type/6607/จตุผลา-ลดหน้าท้อง-ผิวงาม-.html