บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

ความจริงของ สมุนไพรลดหน้าท้อง สมุนไพรไทยที่ใช้ ลดน้ำหนัก

 

 จตุผลาธิกะ

#จตุผลาธิกะ ประกอบด้วยผลไม้ 4 อย่าง คือ #สมอไทย #สมอพิเภก #สมอเทศ #มะขามป้อม ผลไม้ทั้ง 4 อย่างมีรส เปรี้ยว ฝาด ขม นำ และหวานน้อยตาม เมื่อมา

ประกอบกันในอัตราส่วนเสมอภาค มีสรรพคุณในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเสมหะ เมือกมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในอวัยวะหลายส่วน เช่น ปอด หลอดอาหาร หัวใจ

หลอดเลือด ลำไส้ เมื่อใดที่เสมหะ เมือกมันมีส่วนเกินเนื่องจากอาหาร หรือมีไข้ การกำจัดส่วนเกินไปเป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้นร่างกายก็จะป่วยไข้ได้

ความขมในจตุผลาธิกะ จะไปช่วยปรับระดับองค์ความร้อนในร่างกาย ขณะที่ความหวาน จะช่วยเชื่อมสมานเนื้อเยื่อให้สมบูรณ์ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ยาชุดนี้เป็น

ยาที่ช่วยขจัด ควบคุม และบำรุง ไปในตัว นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการขับถ่ายของเสียในร่างกายที่ออกมาในรูปของลม อุจจาระ เหงื่อ อีกด้วย

มีผลงานวิจัยสรุปว่า เป็นยาที่ช่วยต่อ #ต้านอนุมูลอิสระ ต้านอย่างไร ก็ได้อธิบายไปในเรื่องการกำจัดเสมหะและเมือกมันส่วนเกินไปแล้ว ผู้ที่มีสิวมาก ทานยาชุดนี้

จะช่วยแก้สิวเป็นผลพลอยได้

สรุปได้ว่าเป็นยาที่ช่วยรักษาสมดุลของธาตุทั้งสี่ เวลาเช้าก่อนทานอาหาร ทานบ้างหยุดบ้าง อย่าไปเคร่งครัดว่าต้องทานทุกวัน เมือใดที่รู้สึกว่าทานอาหารมัน

เลี่ยน ก็ทานมากหน่อย เมื่อใดที่รู้สึกว่าอาหารที่ทานเข้าไปเป็นอาหารที่ดี สารพิษน้อย ก็หยุดทานได้ จะกำหนดตายตัวไม่ได้ว่า เท่าใดจึงพอไม่ได้ เพราะธาตุและ

สภาพร่างกาย วิธีการใช้ชีวิตประจำวัน อาหาร อารมณ์ อากาศที่ได้รับของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

สรรพคุณ จตุผลาธิกะ

การศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบว่า จตุผลาธิกะสมุนไพรไทยทั้ง 4 ชนิด มีคุณสมบัติในการกำจัดอนุมูลอิสระได้สูงมาก ดังนั้น เป็น จตุผลาธิกะ #สมุนไพรลดน้ำ

สมุนไพรลดน้ำหนัก" href="http://thaiherbwebsite.blogspot.com">หนัก #สมุนไพรลดหน้าท้อง #สมุนไพรลดความอ้วน ที่

1. ช่วยให้ผิวขาวปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ #ผิวพรรณดี เปล่งปรั่ง สามารถนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยทำให้หน้าท้องแบบราบ ถ่ายไขมันออกโดยเฉพาะหน้าท้อง

3. #บำรุงเลือด การทำงานของเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง คนส่วนใหญ่มักจะไม่ตระหนักถึงความสำคัญของระบบเลือด ทั้งที่ระบบเลือด ทางสายเอกที่จะนำ

เอาอาหาร ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ผิวขนาดเดียวกันก็กลับนำสารพิษของเสียออกมาทิ้ง และโรคหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดอย่างคาดไม่ถึง ฉะนั้นสมุนไพร

ทองเนื้องามตัวนี้มีสรรพคุณ ช่วยปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเองและเป็นสมุนไพรลดความอ้วน

เมื่อทาน จตุผลาธิกะ (ทานร่วมกับสมุนไพรลดน้ำหนักอื่นๆตามรายการล่างสุดได้อย่างดี)

เดือนแรก ถ่ายดำ เมือกมันสูง

เดือนที่สี่ พุง #หน้าท้องยุบ อย่างรู้สึกได้ น้ำหนักลดลง ผิวดี สีสม่ำเสมอ

ทานต่อเนื่องเพื่อน้ำหนักลด ไม่มีอาการปวดหัว ใจไม่สั่น ตับไม่พัง ไตไม่พัง ต่อเนื่องกัน 4-6 เดือน

จตุผลาธิกะ

#สมุนไพรลดน้ำหนัก

ตอนนี้หลายๆคนคงหา#วิธีลดน้ำหนักกันอยู่ ทั้งไปออกกำลังกาย ทั้งยอมอดอาหาร และบางคนก็เน้นทานอาหารเสริม แต่เดี๋ยวก่อนอาหารเสริมนั้นก็หาใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป เพราะอาจจะมีสารตกค้าง หรือสารอันตรายเจือปนอยู่ก็เป็นได้พวกอาหารเสริมนั้นก็ทำการสกัดมาจากสมุนไพรธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น ทำไมเราไม่ลองมาทานผัก ผลไม้ หรือสมุนไพรสดๆ หรือนำมาปรุงอาหาร ทำเครื่องดื่มกันไปเลย ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมลดน้ำหนักแพงๆด้วยเพราะมี#สมุนไพรไทยที่ นิยมนำมาใช้ในการช่วยลดน้ำหนักมากมาย ดังนี้

มะนาว

ถ้าจะให้พูดถึงสมุนไพรที่รสชาติเปรี้ยวจี๊ดที่สามารถลดน้ำหนักได้ ก็คงต้องนึกถึงมะนาวอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มะนาวกลายเป็นพืชสมุนไพรยอดนิยมที่นำมาใช้ในการลดน้ำหนัก แถมสูตรในการลดน้ำหนักด้วยน้ำมะนาวก็ยังมีหลากหลายเหตุผลที่น้ำมะนาวสามารถลดความอ้วนอย่างได้ผลก็เป็นเพราะมะนาวมีกรดต่าง ๆ ซึ่งช่วยในการสลายไขมัน นอกจากนี้มะนาวยังมีวิตามินซีสูง เมื่อได้รับเข้าไปในปริมาณที่พอเหมาะก็จะทำให้ไขมันในร่างกายลดลง ระดับไตรกลีเซอไรด์ก็จะเป็นปกติ ไขมันเลวจะลดลงและช่วยให้ไขมันดีเพิ่มขึ้น แถมมะนาวยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหารได้ ใครที่กำลังอยากจะลดความอ้วนแล้วชอบรสเปรี้ยวล่ะก็ มะนาวนี่ล่ะไม่ควรพลาด

เม็ดแมงลัก

แม้ว่าเม็ดแมงลักจะไม่ได้มีสารอาหารที่ช่วยในการลดความอ้วนโดยตรง แต่เม็ดแมงลักก็สามารถช่วยใน#การควบคุมอาหารได้ เพราะเม็ดแมงลักเป็นพืชที่ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน แถมยังสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า หากนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และช่วยให้ทานอาหารได้น้อยลงนอกจากนี้เม็ดแมงลักยังสามารถรับประทานได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรอีกด้วย แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบกินเม็ดแมงลักจืดๆก็ลองนำไปกับผสมเครื่องดื่อื่นๆ ได้ตามใจชอบ แต่ก็ต้องนำไปแช่น้ำให้พองจนเต็มที่ก่อน ไม่งั้นอาจทำให้ท้องอืดและท้องผูกแทน

ลูกสำรอง

ลูกสำรอง หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า "พุงทะลาย" ซึ่งก็มีสรรพคุณในการลดความอ้วนได้เหมือนชื่อเลยล่ะ เพราะลูกสำรองเมื่อนำไปแช่น้ำก็จะเกิดการพองตัวและเมื่อรับประทานเข้าไปก็จะ ทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดไขมันให้ออกมาจากร่างกาย ล้างไขมันที่อยู่ในลำไส้ ด้วยการดูดซับไขมันเอาไว้แล้วขับออกมาในรูปแบบของการขับถ่ายแต่ก็มีข้อมูลทางเภสัชวิทยาพูดถึงการกินลูกสำรองติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดลดลงได้ ดังนั้นถ้าคิดจะใช้ลูกสำรองในการช่วยลดน้ำหนักก็ควรจะรับประทานให้พอเหมาะ

กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดงที่เรานำมาทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบ เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลือที่ติดอยู่กับผลสามารถใช้เป็น#ยาลดไขมันในเส้นเลือด โดยได้มีการศึกษาวิจัยและทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูงแล้วพบว่าระดับไตรกลี เซอไรด์ #คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น แล้วก็ยังช่วยบรรเทาความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจให้น้อยลงขณะที่ในประเทศอียิปต์ ยังมีการนำกระเจี๊ยบแดงทั้งต้นมาต้มกินเป็นยาลดน้ำหนัก เนื่องจากเป็นยาระบายและยังช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้อีกด้วย แต่เราไม่จำเป็นตองไปหาต้นกระเจี๊ยบมาต้มกินก็ได้นะคะ ถ้าอยากลดน้ำหนักด้วยกระเจี๊ยบจริง ๆ ละก็ ก็ลองหาน้้ำกระเจี๊ยบที่ไม่ผสมน้ำตาลมาดื่มก็จะช่วยได้เหมือนกันนะ

คำฝอย       

#ดอกคำฝอย เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ดีต่อการลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยขับเหงื่อ ซึ่งเหมาะมากหากจะนำมาชงดื่มก่อนนอน เพราะเป็นยาระบายอ่อน ๆ สามารถช่วยในการขับถ่าย ลดหน้าท้อง และช่วยลดน้ำหนัก ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อดอกคำฝอยสำเร็จรูปมาชงดื่มได้ง่ายแต่ถ้าใครชอบความสดใหม่มากกว่าก็สามารถหาซื้อดอกคำฝอยที่มีสีแดงจัดมาต้มใน น้ำเดือดประมาณ 5 นาที แล้วกรองเอาแต่น้ำ ถ้าหากอยากได้รสชาติหวานก็สามารถเติมน้ำตาลได้ตามชอบ แต่ถ้าหากจะดื่มเพื่อลดความอ้วนล่ะก็ ควรจะเปลี่ยนมาใส่หญ้าหวานแทนเพื่อให้ได้รสชาติหวาน แถมยังได้ลดความอ้วนได้อีกด้วย

กะเพรา

กะเพราเป็นพืชสมุนไพรที่เรานิยมนำมาทำอาหารกันอย่างแพร่หลาย แถมยังเป็นอาหารยอดนิยมอีกด้วย ซึ่งสรรพคุณของกะเพรา ที่เรารู้กันดีอยู่แล้วนั่นก็คือมีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง และแก้ปวดท้องอุจจาระได้ แต่สรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการที่เราไม่ค่อยจะทราบกันนั่นก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาลทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้งกะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย

 

 กระเทียม

กระเทียม

กระเทียม สมุนไพรที่คนไทยมักนิยมนำมาทำเป็นอาหารมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหนก็ต้องมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบ แต่ต้องเป็นกระเทียมสดเท่านั้นส่วนกระเทียมที่ผ่านการนำไปปรุงในอาหารแล้วไม่สามารถช่วย#ลดความอ้วนได้ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะในกระเทียมนั้นมีสารอัลลิซินซึ่งมีคุณสมบัติในการลด #คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด, ช่วยลดน้ำตาลกลูโคสในเลือด, ช่วยเสริมประสิทธิภาพของยาฆ่าเชื้อรา,ช่วยลดการอักเสบ, มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ, ยับยั้งเนื้องอกและเซลล์มะเร็งบางชนิด ซึ่งมีการทดลองพบว่าถ้าหากรับประทานกระเทียมวันละ 10 กลีบ จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลนั้นลดลง 14% ไขมันไม่ดีอย่าง LDL ลดลง 17% และไขมันดีอย่าง HDL เพิ่มขึ้นสูงถึง 41% เลยทีเดียว แต่สารอัลลิซินนั้นจะถูกทำลายเมื่อไปสัมผัสกับน้ำมันและความร้อน ดังนั้นจึงควรที่จะรับประทานกระเทียมสด ๆอย่างน้อยวันละ 3-5 กลีบเล็กก่อนอาหารเพื่อลดน้ำหนักแต่ถ้าอยากเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วย ก็ให้รับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหาร ก็จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้มากขึ้นได้ แต่ก็อย่าลืมเรื่องกลิ่นปากและกลิ่นตัวด้วยเพราะกระเทียมนั้นกลิ่นแรงมาก

พริก

ไม่น่าเชื่อว่าพริกจะมีความสามารถช่วยลดความอ้วนได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพริกมีวิตามินซีสูง ซึ่งเจ้าวิตามินซีนี่ล่ะที่จะไปช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และช่วยในระบบขับถ่ายอีกด้วย นอกจากวิตามินแล้ว ในพริกยังมีสารแคปไซซิน(Capsaicin), โอลีโอเรซิน (Oleoresin) และกรดแอสคอร์บิก ซึ่งกรดแอสคอร์บิกนี่ล่ะที่มีบทบาทสำคัญในการลดความอ้วน เพราะมันจะไปช่วยให้ไขมันถูกเผาผลาญกลายเป็นพลังงานได้ดี ถ้าหากใครที่เป็นคนที่ร่างกายมีการเผาผลาญต่ำ การกินพริกเข้าไปบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้นอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พริกจะช่วยลดความอ้วนได้ แต่ก็ต้องรับประทานเป็นจำนวนมากถึงจะได้รับสารอาหารที่อยู่ในพริกเพียงพอ ดังนั้นถ้าหากต้องการใช้พริกช่วยในการลดความอ้วน แนะนำให้รับประทานพริกในรูปแบบของสารสกัดจะดีกว่าทานแบบสด ๆ เป็นกำ ๆ ที่อาจทำให้ท้องอืด ปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะได้อีกต่างหาก

หญ้าหวาน

หญ้าหวานถือเป็นสมุนไพรที่นอกจากจะให้ความหวานได้เหมือนน้ำตาลแล้ว ยังช่วยให้สามารถลดความอ้วนได้ด้วย เพราะหญ้าหวานเป็นพืชที่ไม่ให้พลังงานและแคลอรี่ต่ำมาก สามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มหรือนำไปปรุงรสชาติอาหารแทนน้ำตาลก็ได้ทั้งนั้น แถมความหวานที่ได้จากหญ้าหวานยังมากกว่าน้ำตาลถึง200-300 เท่าของซูโครส และหากรับประทานเป็นประจำก็ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

 #ขมิ้นชัน

ขมิ้นมีสารพฤกษเคมีที่เรียกว่าเคอร์คูมิน ซึ่งสารชนิดนี้จะไปช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ไขมัน ทำให้สามารถช่วยลดไขมันได้ โดยขมิ้นชันสามารถรับประทานได้ทั้งสดและนำไปปรุงกับอาหาร ถ้าหากนำไปปรุงกับอาหารจำพวกทอดก็จะช่วยย่อยไขมันในอาหารได้อีกด้วย และที่สำคัญไม่ควรให้ขมิ้นอยู่ในความร้อนมากกว่า 65 องศาเพราะอาจจะทำให้เกิดสารสเตรอยด์ในขมิ้นได้

 

  ;

#ส้มแขก

ในผลส้มแขกมีสาร HAC หรือสารไฮดรอกซีซิตริกแอสิด อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารที่ว่านี้เป็นสารมีคุณสมบัติที่ดีในการเข้าไปสกัดและยับยั้งการสะสม ของไขมันส่วนเกินไนร่างกาย และยังช่วยทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หน้าท้องยุบ รูปร่างเพรียวขึ้น โดยคนส่วนใหญ่ก็มักจะรับประทานในรูปแบบของสารสกัดเสียมากกว่าและการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ส้มแขกในการลดความอ้วนนั้นก็ควรเลือกขนาดปริมาณ 300–600 มก.และรับประทานตามที่ฉลากระบุเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม เราก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน ลดพวกของทอดของมัน และออกกำลังกายมาก ๆ เพื่อที่การลดน้ำหนักจะได้ มีประสิทธิภาพและไม่กลับมาอ้วนอีก

บุก

บุกเป็นพืชที่คนกำลังลดความอ้วนนิยมนำมารับประทาน เพราะบุกมีสารกลูโคแมนแนน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วย กลูโคส แมนโนสฟรุคโทส มีลักษณะข้น ๆ เหนียว ๆ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อิ่มเร็ว เพราะความเหนียวหนืดของกลูโคแมนแนนจะชะลอการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหาร ไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จึงทำให้การบริโภคอาหารอื่น ๆ น้อยลงไปโดยปริยาย แถมยังมี#กากใยสูงทำให้ดีต่อลำไส้และการขับถ่ายอีกด้วย



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : ลดหน้าท้อง-ผิวงาม-.html">http://www.thaiherbweb.com/product-type/6607/จตุผลา-ลดหน้าท้อง-ผิวงาม-.html

รากบัว สมุนไพรช่วยหลับ

รากบัวกับการนอนหลับ

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

รากบัว (Lotus Root) หรือ เหง้าบัว คนสมัยก่อนใช้รากบัว เป็นส่วนประกอบของยาหม้อโบราณเพราะมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ช่วยลดอาการร้อนใน อาการไอ คนไข้ที่มีไข้สูง หมอแผนโบราณมักให้ดื่มน้ำรากบัวที่ค่อนข้างเย็น ส่วนคนปกติให้ดื่มน้ำต้มรากบัวแบบอุ่น ๆ การกินรากบัวดีต่ออวัยวะภายใน รากบัวสด ๆ มีฤทธิ์แก้ร้อนในได้ดีกว่าน้ำต้มรากบัว ในน้ำรากบัวนั้นมีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายๆ ประการ เช่น ฟลาโวนอยด์,โฟลีฟีนนอล ช่วยในการต่อต้านมะเร็ง , มีวิตามิน และเกลือแร่ น้ำรากบัวจึงถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง น้ำรากบัวที่ดี จะต้องมี สีออกสีเหลืองๆ จางๆ ใสๆ มีรสฝาด เผ็ด ร้อน ไม่มีกลิ่น

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

สรรพคุณ :

มีรสหวานมัน แก้อาการอ่อนเพลีย ชูกำลัง ช่วยให้สดชื่น ช่วยเจริญอาหาร  บำรุงร่างกาย บำรุงสมอง ช่วยการนอนหลับ ชวยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระแก่ร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของโลหิต ดับกระหาย แก้เสมหะ น้ำลายเหนียว แก้ไอ ดับพิษร้อนให้ปอดชุ่มชื้น ช่วยลดความดันโลหิต แก้ปวดบวม มีประโยชน์ต่อกระเพาะอาหาร ร่างกายขาดความสมดุล ผู้อยู่ในวัยทองมีอาการนอนไม่หลับก็สามารถช่วยได้ รากบัวใช้ทำกินได้ทั้งอาหารคาว-หวาน จะต้มกินน้ำหรือคั้นดื่มสดๆ ก็ได้ตามชอบ

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

สำหรับคุณค่าทางอาหาร รากบัวอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงโลหิต มีวิตามินบี วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงและมีใยอาหารปริมาณมาก ช่วยแก้อาการท้องผูกได้ชะงัด นอกจากสรรพคุณที่หลากหลายตามตำราโบร่ำโบราณที่กล่าวมาแล้ว ข้อมูลทางโภชนาการและงานวิจัย ยังบอกว่ารากบัวเป็นอาหารชั้นดี ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ประกอบไปด้วยใยอาหาร ที่ช่วยระบบขับถ่าย และมีผลช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ ในรากบัวยังพบวิตามินซี, วิตามินบี 1(ไทอามีน), วิตามินบี 2(ไรโบเฟลวิน), วิตามินบี 3(ไนอาซิน), วิตามินบี 5(กรดแพนโทธีนิก), วิตามินบี 6, โฟเลท และแร่ธาตุ ต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ซึ่งวิตามินเหล่านี้จะช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเป็นตัวช่วยในการทำงานของเอนไซม์ ทำให้เซลล์ทำหน้าที่ได้ตามปกติ ไปจนถึงช่วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่วนแร่ธาตุ ก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย แร่ธาตุบางชนิดเป็นส่วนของสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน เฮโมโกลบิน เอนไซม์ เป็นต้น

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

ข้อควรระวัง : ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านกระเพาะไม่ควรรับประทานน้ำรากบัวที่คั้นสดโดยตรง แต่ให้เติมน้ำเพิ่มประมาณ 30 เท่า จากนั้นนำไปต้มจนระเหยเหลือ 20 เท่าจากปริมาณเดิม ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากทุกๆ 30 นาที แทน

 



ที่มา : http://thaiherbweb2.igetweb.com/th/products/126350-รากบัว

สมุนไพรรักษาความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคความดัน

 

โรคความดันเลือดสูง เป็นโรคใกล้ตัวที่เราจะมองข้ามไม่ได้ เนื่องมาจากปัจจุบันมีคนป่วยด้วยโรคนี้ต้องรับการบำบัดไม่น้อย ซึ่งนอกจากการบำรุงรักษาด้วยการกินยาแล้ว การรับประทานอาหาร และการใช้สมุนไพรบางสายก็ช่วยให้ความดันเลือดที่เคยสูงลดลงได้ ซึ่งสมุนไพรไทยลด#ความดันโลหิตสูงก็ไม่ใช่สมุนไพรที่หายากเลยค่ะ แถมยังสามารถรับประทานได้ง่ายไม่ต้องผ่านกรรมวิธีมากมาย สำหรับใครที่สนใจจะทาน#สมุนไพรรักษาความดันโลหิตสูง ก็ขอสั่งสอนว่าสมุนไพรเหล่านี้เป็นเพียงทางเลือกเสริมโดยเฉพาะในคนที่ทาน#ยารักษาโรคความดันแผนปัจจุบันแล้วยังไม่สามารถลดระดับความดันเลือดให้ลงมาอยู่ในค่าเป้าหมายได้ การติดตามผลความดันและโรคแทรกซ้อน โดยการไปพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นค่ะ รวมถึงการแจ้งแพทย์เกี่ยวกับสมุนไพรที่เราเลือกใช้เสริมเข้ามา เพราะแพทย์จะได้พิจารณาปรับยาให้ผู้ป่วยให้ได้อย่างเหมาะสมค่ะ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมละ ว่าสมุนไพรไทยรักษาความดันโลหิตสูงนั้นมีอะไรบ้าง และ โรคความดันโลหิตสูงหายไหม และ สามารถนำมารับประทานกันได้อย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

 

ความดันโลหิต


กระเทียม เจ้าสมุนไพรกลิ่นฉุนและเป็นคุณสมบัติเฉพาะ ซึ่งเรานิยมนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารชนิดต่าง ๆ มีสรรพคุณในการลดความดันโลหิตสูงได้ดีเชียวละค่ะ แถมยังหาง่ายอีกด้วย โดยเรื่องนี้ถูกยืนยันโดยนักวิจัยจากออสเตรเลีย อย่างอาจารย์คาริน รีด อาจารย์ประจำคณะแพทย์เวชทั่วไป แห่งมหาวิทยาลัยอเดเลด ออสเตรเลีย ที่พบว่า สารสกัดจากกระเทียมสามารถลดความดันโลหิตลงได้ แต่ก็ควรเป็นหัวกระเทียมแก่นะคะ เพราะหากเป็นกระเทียมที่ยังอ่อนอยู่หรือกระเทียมที่ผ่านการปรุงสุกแล้วละก็ จะได้สรรพคุณไม่เทียมกับหัวกระเทียมแก่ค่ะ

 

ความดันโลหิต

 

บัวบก คงเคยได้ยินกันใช่ไหมคะว่าน้ำใบบกช่วยบรรเทาอาการช้ำในได้ แต่จริง ๆ แล้วบัวบกไม่ได้มีสรรพคุณแค่นั้นนะ แต่ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติในลดความดัน โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ชักชวนว่าการดื่มน้ำใบบัวบกบ่อยๆทุกวันทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ แถมเจ้าบัวบกนี้ยังช่วยทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น และช่วยคลายเครียดได้ ซึ่งความเครียดก็เป็นอีกต้นเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตสูง วิธีทานก็ไม่ยากค่ะ เพียงนำบัวบกทั้งต้นมาคั้นเอาแต่น้ำดื่ม โดยอาจจะเติมน้ำตาลเล็กน้อยหรือจะผสมกับน้ำใบเตยเพื่อลดรสชาติเหม็นเขียวค่ะ

 

ความดันโลหิต


ขิง เป็นสมุนไพรโบร่ำโบราณที่นำมาใช้ในการรักษาโรคมากกว่า 5,000 ปี ซึ่งไม่เพียงช่วยย่อยอาหาร ยังช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย แต่ก็ควรใช้อย่างระมัดระวังเนื่องจากขิงเป็นพืชที่มีฤทธิ์ร้อน หากรับประทานมากไปอาจจะทำให้เกิดร้อนใน และแผลในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีและรับประทานยาละลายลิ่มเลือดควรปรึกษาผู้รักษาและระมัดระวังในการใช้ด้วยค่ะ

 

ความดันโลหิต

 

มะรุม นับเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะเพื่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด โดยจากประสบการณ์การใช้ของชาวบ้านทั้งในไทยและต่างประเทศ และการเรียนทางเภสัชวิทยา พบว่า ส่วนของใบและรากของมะรุม มีสรรพคุณในการลดความดันโลหิตได้ สำหรับตำรับยาแก้ความดันโลหิตสูง เช่น นำรากมาต้มกินเป็นซุป นำยอดมาต้มกิน ใช้ยอดมะรุมสด โดยจะเป็นยอดอ่อนหรือยอดแก่ก็ได้ นำมาโขลกคั้นเอาน้ำ (ถ้าไม่มีน้ำให้เติมน้ำลงไปพอให้เหลวข้น) ผสมน้ำผึ้งพอหวาน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว หากต้องการทานมะรุมติดต่อกันนานๆ อาจต้องคอยตรวจเช็คค่าการทำงานของตับ เนื่องด้วยอาจมีผลทำให้เอนซ์ไซม์ตับเพิ่มขึ้นได้ในบางราย และระวังการใช้ร่วมกับยาที่มีผลลดอัตราการเต้นของหัวใจ เพราะว่ามะรุมมีผลทำให้หัวใจเต้นช้าลงเช่นกัน

 

นอกจากนี้การปรับพฤติกรรมบางอย่างก็มีผลช่วยลดความดันโลหิตได้ เช่น ลดการดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ลดความเครียด ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน

 

 



ที่มา : http://www.thaiherbweb.com/articles/42078669/ความดันโลหิตสูง.html

วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด สมุนไพรเบาหวาน

#สมุนไพรรักษาเบาหวาน

#เบาหวาน จัดเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากร่างกายมีกระบวนการเมตาบอลิซึม (ทั้งคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน) ที่ผิดปกติ ทำให้ไม่อาจนำน้ำตาลในเลือดที่ได้จากอาหารไปใช้ตามปกติได้ ต้นเหตุสำคัญเกิดจากความบกพร่องของการหลั่งอินซูลิน (Insulin) จากตับอ่อน หรือการทำงานของอินซูลินผิดปกติ
อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นโดยกลุ่มเซลล์ภายในตับอ่อน มีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดไปสู่เนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกายเพื่อสร้างพลังงาน ร่างกายผู้ป่วยโรคเบาหวานมีอินซูลินไม่เพียงพอก็จะทำให้มีน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้นเมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง ก็จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่อระบบต่างๆ ของร่างกายตามมาได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองอุดตัน ไตวาย และปลายประสาทเสื่อม ทำให้มีอาการชาซึ่งเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดแผลบริเวณอวัยวะส่วนปลายได้ ยิ่งไปกว่านี้ เกิดความเสื่อมที่จอตา ทำให้ตาพร่ามัว เกิดต้อหินหรือต้อกระจก หรือถ้าหากรักษาไม่หายอาจทำให้พิการและเสียชีวิตได้

<b><u>สมุนไพรรักษาเบาหวาน</u></b>
#สมุนไพรป้องกันเบาหวาน

วิธีการการดูแลป้องกัน#โรคเบาหวานที่สำคัญคือการคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่าง เช่น การบริหารร่างกายเพื่อให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้นและช่วยคุมน้ำหนัก การกินอาหารเพื่อให้ได้ทั้งพลังงานและผลดีต่อสุขภาพ การทานยาอย่างถูกต้องประจำพร้อมทั้งการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง ในส่วนการใช้ยาเม็ดลดน้ำตาลนั้น เป็นการรักษาเพื่อให้มีอินซูลินออกมาให้พอเพียงที่จะลดระดับน้ำตาลในเลือดลงมาสู่ปกติ แต่ไม่ได้เป็นการหยุดยั้ง
การดำเนินโรคของเบาหวาน ซึ่งจะมี#การสร้างอินซูลินลดลงเป็นลำดับ จนกระทั่งไม่สามารถกระตุ้นให้มีการหลั่งอินซูลินออกมาได้เพียงพอที่จะลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ สุดท้ายต้องพึ่งการฉีดอินซูลิน การสรรหาทางออกเพื่อยืดระยะเวลาการไปถึงจุดนั้นจึงมีอยู่เป็นปกติของผู้ป่วยโรคนี้ เป็นผลให้สมุนไพรได้รับความชื่นชอบจากผู้ป่วยเบาหวานทั้งหลาย รวมทั้งยังมีผู้คนอีกจำนวนมากเข้าใจผิดว่าโรคเบาหวานสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยสมุนไพร
การใช้สมุนไพรนั้นมิใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เสียทีเดียว เนื่องสมุนไพรหลายชนิดมีรายงานการศึกษาว่ามีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งยังพบประโยชน์ของสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ลดไขมันในเลือด หรือช่วยให้มีการไหลเวียนของหลอดเลือดเล็กๆ ส่วนปลายดีขึ้น มีวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์อีกด้วย

สมุนไพรรักษาเบาหวาน
สมุนไพรที่มีความโดดเด่นมากที่สุดคือ มะระขี้นก

#มะระขี้นก ขม ขรุขระ ชนะเบาหวาน การใช้ประโยชน์อื่นๆ มะระขี้นก เป็นผักพื้นบ้านของไทย มะระขี้นก สมุนไพรไทยที่ขึ้นชื่อในเรื่องการลดระดับน้ำตาลในเลือด เรียกว่าเป็นสมุนไพรที่เป็นมิตรกับผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างแท้จริง ด้วยเพราะสารซาแรนติน (Charatin) ในผลมะระขี้นกที่มีคุณประโยชน์ลดน้ำตาลในเลือด ยับยั้งอาการของโรคเบาหวาน และช่วยเพิ่มการหลั่งของอินซูลินจากตับอ่อน เพิ่มความทนทานต่อกลูโคสของร่างกาย และช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้มะระขี้นกยังช่วยยับยั้งเอนไซม์แอลฟากลูโคซิเดส (Alpha-glucosidase) อันเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ขณะที่การรับประทานมะระขี้นกเป็นประจำก็สามารถชะลอความผิดปกติของไต และความเสื่อมของเส้นประสาทในกายจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงสะสมเป็นเวลานาน ไม่เพียงเท่านั้นยังชะลอการเกิดโรคต้อกระจกในผู้ป่วยเบาหวานด้วย นอกจากนี้มะระขี้นกยังมีคุณประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายอีกมากมาย และสามารถนำมาทานได้แบบสด ๆ เป็นผักเคียงน้ำพริกได้เลย ดีแบบนี้ไม่หามาลองก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะ
มะระขี้นกจึงเป็นพืชผักสมุนไพรตัวแรกที่ควรส่งเสริมให้ใช้เป็นสมุนไพรคู่ใจผู้ป่วยเบาหวาน จากการที่มีรายงานการศึกษาวิจัยถึงคุณค่าการลดน้ำตาลในเลือดทั้งในสัตว์ทดลองและในคนเป็นจำนวนมาก และรูปแบบวิธีใช้ที่ให้ผลลดน้ำตาลในเลือดก็ไม่ซับซ้อน คือสามารถใช้ได้ทั้งน้ำคั้น ชงเป็นชา หรือกินในรูปแบบของแคปซูล ผงแห้ง

 สมุนไพรลดน้ำตาล

#อบเชย หรือชินนามอน (Cinnamon) เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่มีสารสำคัญในการช่วยเติมการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวานและโรคที่เกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย โดยแค่เพียงโรยผงอบเชยลงในอาหารที่รับประทานก็ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้แล้วล่ะค่ะ

<a href=สมุนไพรลดน้ำตาล" width="383" height="130" /> 

สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน" href="http://goo.gl/01hlyc">#บอระเพ็ด
สมุนไพรรสชาติขมอีกชนิดที่อยากให้คุณได้ลอง เพราะเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่บันทึกอยู่ในตำรับยาไทย ช่วยบำรุงหัวใจ ลดไข้ และช่วยให้เจริญอาหาร ที่สำคัญมีการค้นคว้าแล้วว่าบอระเพ็ดมีคุณค่าช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่พบผลข้างเคียงอันตรายใด ๆ อีกด้วย ทว่าอาจจะทานยากเพราะขม แต่อย่าลืมนะว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา

 สมุนไพรลดน้ำตาล

#โสม
ด้วยคุณสมบัติอันน่าอัศจรรย์อย่างการเพิ่มภูมิคุ้มกัน และต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ทำให้โสมเป็นสมุนไพรที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า โดยมีการค้นพบว่าการรับประทานโสมสามารถช่วยชะลอการดูดซึมของคาร์โบไฮเดรต และเพิ่มการทำงานของเซลล์ ช่วยให้เซลล์สามารถดึงเอากลูโคสไปใช้งานได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มปริมาณการหลั่งของอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 15-20% เลยทีเดียว

 

 



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.thaiherbweb.com/product/222995/สมุนไพรรักษาเบาหวาน.html

ความจริงของ สมุนไพรลดหน้าท้อง สมุนไพรไทยที่ใช้ ลดน้ำหนัก

 

 จตุผลาธิกะ

#จตุผลาธิกะ ประกอบด้วยผลไม้ 4 อย่าง คือ #สมอไทย #สมอพิเภก #สมอเทศ #มะขามป้อม ผลไม้ทั้ง 4 อย่างมีรส เปรี้ยว ฝาด ขม นำ และหวานน้อยตาม เมื่อมา

ประกอบกันในอัตราส่วนเสมอภาค มีสรรพคุณในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเสมหะ เมือกมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในอวัยวะหลายส่วน เช่น ปอด หลอดอาหาร หัวใจ

หลอดเลือด ลำไส้ เมื่อใดที่เสมหะ เมือกมันมีส่วนเกินเนื่องจากอาหาร หรือมีไข้ การกำจัดส่วนเกินไปเป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้นร่างกายก็จะป่วยไข้ได้

ความขมในจตุผลาธิกะ จะไปช่วยปรับระดับองค์ความร้อนในร่างกาย ขณะที่ความหวาน จะช่วยเชื่อมสมานเนื้อเยื่อให้สมบูรณ์ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ยาชุดนี้เป็น

ยาที่ช่วยขจัด ควบคุม และบำรุง ไปในตัว นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการขับถ่ายของเสียในร่างกายที่ออกมาในรูปของลม อุจจาระ เหงื่อ อีกด้วย

มีผลงานวิจัยสรุปว่า เป็นยาที่ช่วยต่อ #ต้านอนุมูลอิสระ ต้านอย่างไร ก็ได้อธิบายไปในเรื่องการกำจัดเสมหะและเมือกมันส่วนเกินไปแล้ว ผู้ที่มีสิวมาก ทานยาชุดนี้

จะช่วยแก้สิวเป็นผลพลอยได้

สรุปได้ว่าเป็นยาที่ช่วยรักษาสมดุลของธาตุทั้งสี่ เวลาเช้าก่อนทานอาหาร ทานบ้างหยุดบ้าง อย่าไปเคร่งครัดว่าต้องทานทุกวัน เมือใดที่รู้สึกว่าทานอาหารมัน

เลี่ยน ก็ทานมากหน่อย เมื่อใดที่รู้สึกว่าอาหารที่ทานเข้าไปเป็นอาหารที่ดี สารพิษน้อย ก็หยุดทานได้ จะกำหนดตายตัวไม่ได้ว่า เท่าใดจึงพอไม่ได้ เพราะธาตุและ

สภาพร่างกาย วิธีการใช้ชีวิตประจำวัน อาหาร อารมณ์ อากาศที่ได้รับของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

สรรพคุณ จตุผลาธิกะ

การศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบว่า จตุผลาธิกะสมุนไพรไทยทั้ง 4 ชนิด มีคุณสมบัติในการกำจัดอนุมูลอิสระได้สูงมาก ดังนั้น เป็น จตุผลาธิกะ #สมุนไพรลดน้ำ

หนัก #สมุนไพรลดหน้าท้อง #สมุนไพรลดความอ้วน ที่

1. ช่วยให้ผิวขาวปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ #ผิวพรรณดี เปล่งปรั่ง สามารถนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยทำให้หน้าท้องแบบราบ ถ่ายไขมันออกโดยเฉพาะหน้าท้อง

3. #บำรุงเลือด การทำงานของเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง คนส่วนใหญ่มักจะไม่ตระหนักถึงความสำคัญของระบบเลือด ทั้งที่ระบบเลือด ทางสายเอกที่จะนำ

เอาอาหาร ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ผิวขนาดเดียวกันก็กลับนำสารพิษของเสียออกมาทิ้ง และโรคหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดอย่างคาดไม่ถึง ฉะนั้นสมุนไพร

ทองเนื้องามตัวนี้มีสรรพคุณ ช่วยปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเองและเป็นสมุนไพรลดความอ้วน

เมื่อทาน จตุผลาธิกะ (ทานร่วมกับสมุนไพรลดน้ำหนักอื่นๆตามรายการล่างสุดได้อย่างดี)

เดือนแรก ถ่ายดำ เมือกมันสูง

เดือนที่สี่ พุง #หน้าท้องยุบ อย่างรู้สึกได้ น้ำหนักลดลง ผิวดี สีสม่ำเสมอ

ทานต่อเนื่องเพื่อน้ำหนักลด ไม่มีอาการปวดหัว ใจไม่สั่น ตับไม่พัง ไตไม่พัง ต่อเนื่องกัน 4-6 เดือน

จตุผลาธิกะ

#ลดหน้าท้อง-ผิวงาม-.html">สมุนไพรลดน้ำหนัก

ตอนนี้หลายๆคนคงหา#วิธีลดน้ำหนักกันอยู่ ทั้งไปออกกำลังกาย ทั้งยอมอดอาหาร และบางคนก็เน้นทานอาหารเสริม แต่เดี๋ยวก่อนอาหารเสริมนั้นก็หาใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป เพราะอาจจะมีสารตกค้าง หรือสารอันตรายเจือปนอยู่ก็เป็นได้พวกอาหารเสริมนั้นก็ทำการสกัดมาจากสมุนไพรธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น ทำไมเราไม่ลองมาทานผัก ผลไม้ หรือสมุนไพรสดๆ หรือนำมาปรุงอาหาร ทำเครื่องดื่มกันไปเลย ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมลดน้ำหนักแพงๆด้วยเพราะมี#สมุนไพรไทยที่ นิยมนำมาใช้ในการช่วยลดน้ำหนักมากมาย ดังนี้

มะนาว

ถ้าจะให้พูดถึงสมุนไพรที่รสชาติเปรี้ยวจี๊ดที่สามารถลดน้ำหนักได้ ก็คงต้องนึกถึงมะนาวอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มะนาวกลายเป็นพืชสมุนไพรยอดนิยมที่นำมาใช้ในการลดน้ำหนัก แถมสูตรในการลดน้ำหนักด้วยน้ำมะนาวก็ยังมีหลากหลายเหตุผลที่น้ำมะนาวสามารถลดความอ้วนอย่างได้ผลก็เป็นเพราะมะนาวมีกรดต่าง ๆ ซึ่งช่วยในการสลายไขมัน นอกจากนี้มะนาวยังมีวิตามินซีสูง เมื่อได้รับเข้าไปในปริมาณที่พอเหมาะก็จะทำให้ไขมันในร่างกายลดลง ระดับไตรกลีเซอไรด์ก็จะเป็นปกติ ไขมันเลวจะลดลงและช่วยให้ไขมันดีเพิ่มขึ้น แถมมะนาวยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหารได้ ใครที่กำลังอยากจะลดความอ้วนแล้วชอบรสเปรี้ยวล่ะก็ มะนาวนี่ล่ะไม่ควรพลาด

เม็ดแมงลัก

แม้ว่าเม็ดแมงลักจะไม่ได้มีสารอาหารที่ช่วยในการลดความอ้วนโดยตรง แต่เม็ดแมงลักก็สามารถช่วยใน#การควบคุมอาหารได้ เพราะเม็ดแมงลักเป็นพืชที่ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน แถมยังสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า หากนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และช่วยให้ทานอาหารได้น้อยลงนอกจากนี้เม็ดแมงลักยังสามารถรับประทานได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรอีกด้วย แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบกินเม็ดแมงลักจืดๆก็ลองนำไปกับผสมเครื่องดื่อื่นๆ ได้ตามใจชอบ แต่ก็ต้องนำไปแช่น้ำให้พองจนเต็มที่ก่อน ไม่งั้นอาจทำให้ท้องอืดและท้องผูกแทน

ลูกสำรอง

ลูกสำรอง หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า "พุงทะลาย" ซึ่งก็มีสรรพคุณในการลดความอ้วนได้เหมือนชื่อเลยล่ะ เพราะลูกสำรองเมื่อนำไปแช่น้ำก็จะเกิดการพองตัวและเมื่อรับประทานเข้าไปก็จะ ทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดไขมันให้ออกมาจากร่างกาย ล้างไขมันที่อยู่ในลำไส้ ด้วยการดูดซับไขมันเอาไว้แล้วขับออกมาในรูปแบบของการขับถ่ายแต่ก็มีข้อมูลทางเภสัชวิทยาพูดถึงการกินลูกสำรองติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดลดลงได้ ดังนั้นถ้าคิดจะใช้ลูกสำรองในการช่วยลดน้ำหนักก็ควรจะรับประทานให้พอเหมาะ

กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดงที่เรานำมาทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบ เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลือที่ติดอยู่กับผลสามารถใช้เป็น#ยาลดไขมันในเส้นเลือด โดยได้มีการศึกษาวิจัยและทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูงแล้วพบว่าระดับไตรกลี เซอไรด์ #คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น แล้วก็ยังช่วยบรรเทาความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจให้น้อยลงขณะที่ในประเทศอียิปต์ ยังมีการนำกระเจี๊ยบแดงทั้งต้นมาต้มกินเป็นยาลดน้ำหนัก เนื่องจากเป็นยาระบายและยังช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้อีกด้วย แต่เราไม่จำเป็นตองไปหาต้นกระเจี๊ยบมาต้มกินก็ได้นะคะ ถ้าอยากลดน้ำหนักด้วยกระเจี๊ยบจริง ๆ ละก็ ก็ลองหาน้้ำกระเจี๊ยบที่ไม่ผสมน้ำตาลมาดื่มก็จะช่วยได้เหมือนกันนะ

คำฝอย       

#ดอกคำฝอย เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ดีต่อการลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยขับเหงื่อ ซึ่งเหมาะมากหากจะนำมาชงดื่มก่อนนอน เพราะเป็นยาระบายอ่อน ๆ สามารถช่วยในการขับถ่าย ลดหน้าท้อง และช่วยลดน้ำหนัก ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อดอกคำฝอยสำเร็จรูปมาชงดื่มได้ง่ายแต่ถ้าใครชอบความสดใหม่มากกว่าก็สามารถหาซื้อดอกคำฝอยที่มีสีแดงจัดมาต้มใน น้ำเดือดประมาณ 5 นาที แล้วกรองเอาแต่น้ำ ถ้าหากอยากได้รสชาติหวานก็สามารถเติมน้ำตาลได้ตามชอบ แต่ถ้าหากจะดื่มเพื่อลดความอ้วนล่ะก็ ควรจะเปลี่ยนมาใส่หญ้าหวานแทนเพื่อให้ได้รสชาติหวาน แถมยังได้ลดความอ้วนได้อีกด้วย

กะเพรา

กะเพราเป็นพืชสมุนไพรที่เรานิยมนำมาทำอาหารกันอย่างแพร่หลาย แถมยังเป็นอาหารยอดนิยมอีกด้วย ซึ่งสรรพคุณของกะเพรา ที่เรารู้กันดีอยู่แล้วนั่นก็คือมีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง และแก้ปวดท้องอุจจาระได้ แต่สรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการที่เราไม่ค่อยจะทราบกันนั่นก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาลทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้งกะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย

 

 กระเทียม

กระเทียม

กระเทียม สมุนไพรที่คนไทยมักนิยมนำมาทำเป็นอาหารมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหนก็ต้องมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบ แต่ต้องเป็นกระเทียมสดเท่านั้นส่วนกระเทียมที่ผ่านการนำไปปรุงในอาหารแล้วไม่สามารถช่วย#ลดความอ้วนได้ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะในกระเทียมนั้นมีสารอัลลิซินซึ่งมีคุณสมบัติในการลด #คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด, ช่วยลดน้ำตาลกลูโคสในเลือด, ช่วยเสริมประสิทธิภาพของยาฆ่าเชื้อรา,ช่วยลดการอักเสบ, มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ, ยับยั้งเนื้องอกและเซลล์มะเร็งบางชนิด ซึ่งมีการทดลองพบว่าถ้าหากรับประทานกระเทียมวันละ 10 กลีบ จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลนั้นลดลง 14% ไขมันไม่ดีอย่าง LDL ลดลง 17% และไขมันดีอย่าง HDL เพิ่มขึ้นสูงถึง 41% เลยทีเดียว แต่สารอัลลิซินนั้นจะถูกทำลายเมื่อไปสัมผัสกับน้ำมันและความร้อน ดังนั้นจึงควรที่จะรับประทานกระเทียมสด ๆอย่างน้อยวันละ 3-5 กลีบเล็กก่อนอาหารเพื่อลดน้ำหนักแต่ถ้าอยากเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วย ก็ให้รับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหาร ก็จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้มากขึ้นได้ แต่ก็อย่าลืมเรื่องกลิ่นปากและกลิ่นตัวด้วยเพราะกระเทียมนั้นกลิ่นแรงมาก

พริก

ไม่น่าเชื่อว่าพริกจะมีความสามารถช่วยลดความอ้วนได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพริกมีวิตามินซีสูง ซึ่งเจ้าวิตามินซีนี่ล่ะที่จะไปช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และช่วยในระบบขับถ่ายอีกด้วย นอกจากวิตามินแล้ว ในพริกยังมีสารแคปไซซิน(Capsaicin), โอลีโอเรซิน (Oleoresin) และกรดแอสคอร์บิก ซึ่งกรดแอสคอร์บิกนี่ล่ะที่มีบทบาทสำคัญในการลดความอ้วน เพราะมันจะไปช่วยให้ไขมันถูกเผาผลาญกลายเป็นพลังงานได้ดี ถ้าหากใครที่เป็นคนที่ร่างกายมีการเผาผลาญต่ำ การกินพริกเข้าไปบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้นอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พริกจะช่วยลดความอ้วนได้ แต่ก็ต้องรับประทานเป็นจำนวนมากถึงจะได้รับสารอาหารที่อยู่ในพริกเพียงพอ ดังนั้นถ้าหากต้องการใช้พริกช่วยในการลดความอ้วน แนะนำให้รับประทานพริกในรูปแบบของสารสกัดจะดีกว่าทานแบบสด ๆ เป็นกำ ๆ ที่อาจทำให้ท้องอืด ปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะได้อีกต่างหาก

หญ้าหวาน

หญ้าหวานถือเป็นสมุนไพรที่นอกจากจะให้ความหวานได้เหมือนน้ำตาลแล้ว ยังช่วยให้สามารถลดความอ้วนได้ด้วย เพราะหญ้าหวานเป็นพืชที่ไม่ให้พลังงานและแคลอรี่ต่ำมาก สามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มหรือนำไปปรุงรสชาติอาหารแทนน้ำตาลก็ได้ทั้งนั้น แถมความหวานที่ได้จากหญ้าหวานยังมากกว่าน้ำตาลถึง200-300 เท่าของซูโครส และหากรับประทานเป็นประจำก็ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

 #ขมิ้นชัน

ขมิ้นมีสารพฤกษเคมีที่เรียกว่าเคอร์คูมิน ซึ่งสารชนิดนี้จะไปช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ไขมัน ทำให้สามารถช่วยลดไขมันได้ โดยขมิ้นชันสามารถรับประทานได้ทั้งสดและนำไปปรุงกับอาหาร ถ้าหากนำไปปรุงกับอาหารจำพวกทอดก็จะช่วยย่อยไขมันในอาหารได้อีกด้วย และที่สำคัญไม่ควรให้ขมิ้นอยู่ในความร้อนมากกว่า 65 องศาเพราะอาจจะทำให้เกิดสารสเตรอยด์ในขมิ้นได้

 

  ;

#ส้มแขก

ในผลส้มแขกมีสาร HAC หรือสารไฮดรอกซีซิตริกแอสิด อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารที่ว่านี้เป็นสารมีคุณสมบัติที่ดีในการเข้าไปสกัดและยับยั้งการสะสม ของไขมันส่วนเกินไนร่างกาย และยังช่วยทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หน้าท้องยุบ รูปร่างเพรียวขึ้น โดยคนส่วนใหญ่ก็มักจะรับประทานในรูปแบบของสารสกัดเสียมากกว่าและการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ส้มแขกในการลดความอ้วนนั้นก็ควรเลือกขนาดปริมาณ 300–600 มก.และรับประทานตามที่ฉลากระบุเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม เราก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน ลดพวกของทอดของมัน และออกกำลังกายมาก ๆ เพื่อที่การลดน้ำหนักจะได้ มีประสิทธิภาพและไม่กลับมาอ้วนอีก

บุก

บุกเป็นพืชที่คนกำลังลดความอ้วนนิยมนำมารับประทาน เพราะบุกมีสารกลูโคแมนแนน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วย กลูโคส แมนโนสฟรุคโทส มีลักษณะข้น ๆ เหนียว ๆ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อิ่มเร็ว เพราะความเหนียวหนืดของกลูโคแมนแนนจะชะลอการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหาร ไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จึงทำให้การบริโภคอาหารอื่น ๆ น้อยลงไปโดยปริยาย แถมยังมี#กากใยสูงทำให้ดีต่อลำไส้และการขับถ่ายอีกด้วย



ขอบคุณบทความจาก : http://www.thaiherbweb.com/product-type/6607/จตุผลา-ลดหน้าท้อง-ผิวงาม-.html

รากบัว สมุนไพรช่วยหลับ

รากบัวกับการนอนหลับ

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

รากบัว (Lotus Root) หรือ เหง้าบัว คนสมัยก่อนใช้รากบัว เป็นส่วนประกอบของยาหม้อโบราณเพราะมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ช่วยลดอาการร้อนใน อาการไอ คนไข้ที่มีไข้สูง หมอแผนโบราณมักให้ดื่มน้ำรากบัวที่ค่อนข้างเย็น ส่วนคนปกติให้ดื่มน้ำต้มรากบัวแบบอุ่น ๆ การกินรากบัวดีต่ออวัยวะภายใน รากบัวสด ๆ มีฤทธิ์แก้ร้อนในได้ดีกว่าน้ำต้มรากบัว ในน้ำรากบัวนั้นมีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายๆ ประการ เช่น ฟลาโวนอยด์,โฟลีฟีนนอล ช่วยในการต่อต้านมะเร็ง , มีวิตามิน และเกลือแร่ น้ำรากบัวจึงถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง น้ำรากบัวที่ดี จะต้องมี สีออกสีเหลืองๆ จางๆ ใสๆ มีรสฝาด เผ็ด ร้อน ไม่มีกลิ่น

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

สรรพคุณ :

มีรสหวานมัน แก้อาการอ่อนเพลีย ชูกำลัง ช่วยให้สดชื่น ช่วยเจริญอาหาร  บำรุงร่างกาย บำรุงสมอง ช่วยการนอนหลับ ชวยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระแก่ร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของโลหิต ดับกระหาย แก้เสมหะ น้ำลายเหนียว แก้ไอ ดับพิษร้อนให้ปอดชุ่มชื้น ช่วยลดความดันโลหิต แก้ปวดบวม มีประโยชน์ต่อกระเพาะอาหาร ร่างกายขาดความสมดุล ผู้อยู่ในวัยทองมีอาการนอนไม่หลับก็สามารถช่วยได้ รากบัวใช้ทำกินได้ทั้งอาหารคาว-หวาน จะต้มกินน้ำหรือคั้นดื่มสดๆ ก็ได้ตามชอบ

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

สำหรับคุณค่าทางอาหาร รากบัวอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงโลหิต มีวิตามินบี วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงและมีใยอาหารปริมาณมาก ช่วยแก้อาการท้องผูกได้ชะงัด นอกจากสรรพคุณที่หลากหลายตามตำราโบร่ำโบราณที่กล่าวมาแล้ว ข้อมูลทางโภชนาการและงานวิจัย ยังบอกว่ารากบัวเป็นอาหารชั้นดี ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ประกอบไปด้วยใยอาหาร ที่ช่วยระบบขับถ่าย และมีผลช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ ในรากบัวยังพบวิตามินซี, วิตามินบี 1(ไทอามีน), วิตามินบี 2(ไรโบเฟลวิน), วิตามินบี 3(ไนอาซิน), วิตามินบี 5(กรดแพนโทธีนิก), วิตามินบี 6, โฟเลท และแร่ธาตุ ต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ซึ่งวิตามินเหล่านี้จะช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเป็นตัวช่วยในการทำงานของเอนไซม์ ทำให้เซลล์ทำหน้าที่ได้ตามปกติ ไปจนถึงช่วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่วนแร่ธาตุ ก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย แร่ธาตุบางชนิดเป็นส่วนของสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน เฮโมโกลบิน เอนไซม์ เป็นต้น

รากบัว" href="http://thaiherbweb2.igetweb.com/th/pages/2323-หน้าแรก">สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

ข้อควรระวัง : ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านกระเพาะไม่ควรรับประทานน้ำรากบัวที่คั้นสดโดยตรง แต่ให้เติมน้ำเพิ่มประมาณ 30 เท่า จากนั้นนำไปต้มจนระเหยเหลือ 20 เท่าจากปริมาณเดิม ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากทุกๆ 30 นาที แทน

 



ขอบคุณบทความจาก : http://thaiherbweb2.igetweb.com/th/products/126350-รากบัว

สมุนไพรรักษาความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคความดัน

 

โรคความดันเลือดสูง เป็นโรคใกล้ตัวที่เราจะมองข้ามไม่ได้ เนื่องมาจากปัจจุบันมีคนป่วยด้วยโรคนี้ต้องรับการบำบัดไม่น้อย ซึ่งนอกจากการบำรุงรักษาด้วยการกินยาแล้ว การรับประทานอาหาร และการใช้สมุนไพรบางสายก็ช่วยให้ความดันเลือดที่เคยสูงลดลงได้ ซึ่งสมุนไพรไทยลด#ความดันโลหิตสูงก็ไม่ใช่สมุนไพรที่หายากเลยค่ะ แถมยังสามารถรับประทานได้ง่ายไม่ต้องผ่านกรรมวิธีมากมาย สำหรับใครที่สนใจจะทาน#สมุนไพรรักษาความดันโลหิตสูง ก็ขอสั่งสอนว่าสมุนไพรเหล่านี้เป็นเพียงทางเลือกเสริมโดยเฉพาะในคนที่ทาน#ยารักษาโรคความดันแผนปัจจุบันแล้วยังไม่สามารถลดระดับความดันเลือดให้ลงมาอยู่ในค่าเป้าหมายได้ การติดตามผลความดันและโรคแทรกซ้อน โดยการไปพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นค่ะ รวมถึงการแจ้งแพทย์เกี่ยวกับสมุนไพรที่เราเลือกใช้เสริมเข้ามา เพราะแพทย์จะได้พิจารณาปรับยาให้ผู้ป่วยให้ได้อย่างเหมาะสมค่ะ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมละ ว่าสมุนไพรไทยรักษาความดันโลหิตสูงนั้นมีอะไรบ้าง และ โรคความดันโลหิตสูงหายไหม และ สามารถนำมารับประทานกันได้อย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

 

ความดันโลหิต


กระเทียม เจ้าสมุนไพรกลิ่นฉุนและเป็นคุณสมบัติเฉพาะ ซึ่งเรานิยมนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารชนิดต่าง ๆ มีสรรพคุณในการลดความดันโลหิตสูงได้ดีเชียวละค่ะ แถมยังหาง่ายอีกด้วย โดยเรื่องนี้ถูกยืนยันโดยนักวิจัยจากออสเตรเลีย อย่างอาจารย์คาริน รีด อาจารย์ประจำคณะแพทย์เวชทั่วไป แห่งมหาวิทยาลัยอเดเลด ออสเตรเลีย ที่พบว่า สารสกัดจากกระเทียมสามารถลดความดันโลหิตลงได้ แต่ก็ควรเป็นหัวกระเทียมแก่นะคะ เพราะหากเป็นกระเทียมที่ยังอ่อนอยู่หรือกระเทียมที่ผ่านการปรุงสุกแล้วละก็ จะได้สรรพคุณไม่เทียมกับหัวกระเทียมแก่ค่ะ

 

ความดันโลหิต

 

บัวบก คงเคยได้ยินกันใช่ไหมคะว่าน้ำใบบกช่วยบรรเทาอาการช้ำในได้ แต่จริง ๆ แล้วบัวบกไม่ได้มีสรรพคุณแค่นั้นนะ แต่ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติในลดความดัน โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ชักชวนว่าการดื่มน้ำใบบัวบกบ่อยๆทุกวันทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ แถมเจ้าบัวบกนี้ยังช่วยทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น และช่วยคลายเครียดได้ ซึ่งความเครียดก็เป็นอีกต้นเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตสูง วิธีทานก็ไม่ยากค่ะ เพียงนำบัวบกทั้งต้นมาคั้นเอาแต่น้ำดื่ม โดยอาจจะเติมน้ำตาลเล็กน้อยหรือจะผสมกับน้ำใบเตยเพื่อลดรสชาติเหม็นเขียวค่ะ

 

ความดันโลหิต


ขิง เป็นสมุนไพรโบร่ำโบราณที่นำมาใช้ในการรักษาโรคมากกว่า 5,000 ปี ซึ่งไม่เพียงช่วยย่อยอาหาร ยังช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย แต่ก็ควรใช้อย่างระมัดระวังเนื่องจากขิงเป็นพืชที่มีฤทธิ์ร้อน หากรับประทานมากไปอาจจะทำให้เกิดร้อนใน และแผลในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีและรับประทานยาละลายลิ่มเลือดควรปรึกษาผู้รักษาและระมัดระวังในการใช้ด้วยค่ะ

 

ความดันโลหิต

 

มะรุม นับเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะเพื่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด โดยจากประสบการณ์การใช้ของชาวบ้านทั้งในไทยและต่างประเทศ และการเรียนทางเภสัชวิทยา พบว่า ส่วนของใบและรากของมะรุม มีสรรพคุณในการลดความดันโลหิตได้ สำหรับตำรับยาแก้ความดันโลหิตสูง เช่น นำรากมาต้มกินเป็นซุป นำยอดมาต้มกิน ใช้ยอดมะรุมสด โดยจะเป็นยอดอ่อนหรือยอดแก่ก็ได้ นำมาโขลกคั้นเอาน้ำ (ถ้าไม่มีน้ำให้เติมน้ำลงไปพอให้เหลวข้น) ผสมน้ำผึ้งพอหวาน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว หากต้องการทานมะรุมติดต่อกันนานๆ อาจต้องคอยตรวจเช็คค่าการทำงานของตับ เนื่องด้วยอาจมีผลทำให้เอนซ์ไซม์ตับเพิ่มขึ้นได้ในบางราย และระวังการใช้ร่วมกับยาที่มีผลลดอัตราการเต้นของหัวใจ เพราะว่ามะรุมมีผลทำให้หัวใจเต้นช้าลงเช่นกัน

 

นอกจากนี้การปรับพฤติกรรมบางอย่างก็มีผลช่วยลดความดันโลหิตได้ เช่น ลดการดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ลดความเครียด ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน

 

 



ขอบคุณบทความจาก : http://www.thaiherbweb.com/articles/42078669/ความดันโลหิตสูง.html

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด สมุนไพรเบาหวาน

#สมุนไพรรักษาเบาหวาน

#เบาหวาน จัดเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากร่างกายมีกระบวนการเมตาบอลิซึม (ทั้งคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน) ที่ผิดปกติ ทำให้ไม่อาจนำน้ำตาลในเลือดที่ได้จากอาหารไปใช้ตามปกติได้ ต้นเหตุสำคัญเกิดจากความบกพร่องของการหลั่งอินซูลิน (Insulin) จากตับอ่อน หรือการทำงานของอินซูลินผิดปกติ
อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นโดยกลุ่มเซลล์ภายในตับอ่อน มีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดไปสู่เนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกายเพื่อสร้างพลังงาน ร่างกายผู้ป่วยโรคเบาหวานมีอินซูลินไม่เพียงพอก็จะทำให้มีน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้นเมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง ก็จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่อระบบต่างๆ ของร่างกายตามมาได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองอุดตัน ไตวาย และปลายประสาทเสื่อม ทำให้มีอาการชาซึ่งเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดแผลบริเวณอวัยวะส่วนปลายได้ ยิ่งไปกว่านี้ เกิดความเสื่อมที่จอตา ทำให้ตาพร่ามัว เกิดต้อหินหรือต้อกระจก หรือถ้าหากรักษาไม่หายอาจทำให้พิการและเสียชีวิตได้

สมุนไพรรักษาเบาหวาน
#สมุนไพรป้องกันเบาหวาน

วิธีการการดูแลป้องกัน#โรคเบาหวานที่สำคัญคือการคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่าง เช่น การบริหารร่างกายเพื่อให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้นและช่วยคุมน้ำหนัก การกินอาหารเพื่อให้ได้ทั้งพลังงานและผลดีต่อสุขภาพ การทานยาอย่างถูกต้องประจำพร้อมทั้งการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง ในส่วนการใช้ยาเม็ดลดน้ำตาลนั้น เป็นการรักษาเพื่อให้มีอินซูลินออกมาให้พอเพียงที่จะลดระดับน้ำตาลในเลือดลงมาสู่ปกติ แต่ไม่ได้เป็นการหยุดยั้ง
การดำเนินโรคของเบาหวาน ซึ่งจะมี#การสร้างอินซูลินลดลงเป็นลำดับ จนกระทั่งไม่สามารถกระตุ้นให้มีการหลั่งอินซูลินออกมาได้เพียงพอที่จะลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ สุดท้ายต้องพึ่งการฉีดอินซูลิน การสรรหาทางออกเพื่อยืดระยะเวลาการไปถึงจุดนั้นจึงมีอยู่เป็นปกติของผู้ป่วยโรคนี้ เป็นผลให้สมุนไพรได้รับความชื่นชอบจากผู้ป่วยเบาหวานทั้งหลาย รวมทั้งยังมีผู้คนอีกจำนวนมากเข้าใจผิดว่าโรคเบาหวานสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยสมุนไพร
การใช้สมุนไพรนั้นมิใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เสียทีเดียว เนื่องสมุนไพรหลายชนิดมีรายงานการศึกษาว่ามีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งยังพบประโยชน์ของสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ลดไขมันในเลือด หรือช่วยให้มีการไหลเวียนของหลอดเลือดเล็กๆ ส่วนปลายดีขึ้น มีวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์อีกด้วย

<b><u>สมุนไพรรักษาเบาหวาน</u></b>
สมุนไพรที่มีความโดดเด่นมากที่สุดคือ มะระขี้นก

#มะระขี้นก ขม ขรุขระ ชนะเบาหวาน การใช้ประโยชน์อื่นๆ มะระขี้นก เป็นผักพื้นบ้านของไทย มะระขี้นก สมุนไพรไทยที่ขึ้นชื่อในเรื่องการลดระดับน้ำตาลในเลือด เรียกว่าเป็นสมุนไพรที่เป็นมิตรกับผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างแท้จริง ด้วยเพราะสารซาแรนติน (Charatin) ในผลมะระขี้นกที่มีคุณประโยชน์ลดน้ำตาลในเลือด ยับยั้งอาการของโรคเบาหวาน และช่วยเพิ่มการหลั่งของอินซูลินจากตับอ่อน เพิ่มความทนทานต่อกลูโคสของร่างกาย และช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้มะระขี้นกยังช่วยยับยั้งเอนไซม์แอลฟากลูโคซิเดส (Alpha-glucosidase) อันเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ขณะที่การรับประทานมะระขี้นกเป็นประจำก็สามารถชะลอความผิดปกติของไต และความเสื่อมของเส้นประสาทในกายจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงสะสมเป็นเวลานาน ไม่เพียงเท่านั้นยังชะลอการเกิดโรคต้อกระจกในผู้ป่วยเบาหวานด้วย นอกจากนี้มะระขี้นกยังมีคุณประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายอีกมากมาย และสามารถนำมาทานได้แบบสด ๆ เป็นผักเคียงน้ำพริกได้เลย ดีแบบนี้ไม่หามาลองก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะ
มะระขี้นกจึงเป็นพืชผักสมุนไพรตัวแรกที่ควรส่งเสริมให้ใช้เป็นสมุนไพรคู่ใจผู้ป่วยเบาหวาน จากการที่มีรายงานการศึกษาวิจัยถึงคุณค่าการลดน้ำตาลในเลือดทั้งในสัตว์ทดลองและในคนเป็นจำนวนมาก และรูปแบบวิธีใช้ที่ให้ผลลดน้ำตาลในเลือดก็ไม่ซับซ้อน คือสามารถใช้ได้ทั้งน้ำคั้น ชงเป็นชา หรือกินในรูปแบบของแคปซูล ผงแห้ง

 สมุนไพรลดน้ำตาล

#อบเชย หรือชินนามอน (Cinnamon) เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่มีสารสำคัญในการช่วยเติมการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวานและโรคที่เกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย โดยแค่เพียงโรยผงอบเชยลงในอาหารที่รับประทานก็ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้แล้วล่ะค่ะ

สมุนไพรลดน้ำตาล 

สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน" href="http://goo.gl/01hlyc">#บอระเพ็ด
สมุนไพรรสชาติขมอีกชนิดที่อยากให้คุณได้ลอง เพราะเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่บันทึกอยู่ในตำรับยาไทย ช่วยบำรุงหัวใจ ลดไข้ และช่วยให้เจริญอาหาร ที่สำคัญมีการค้นคว้าแล้วว่าบอระเพ็ดมีคุณค่าช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่พบผลข้างเคียงอันตรายใด ๆ อีกด้วย ทว่าอาจจะทานยากเพราะขม แต่อย่าลืมนะว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา

 สมุนไพรลดน้ำตาล" href="http://goo.gl/01hlyc">สมุนไพรลดน้ำตาล

#โสม
ด้วยคุณสมบัติอันน่าอัศจรรย์อย่างการเพิ่มภูมิคุ้มกัน และต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ทำให้โสมเป็นสมุนไพรที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า โดยมีการค้นพบว่าการรับประทานโสมสามารถช่วยชะลอการดูดซึมของคาร์โบไฮเดรต และเพิ่มการทำงานของเซลล์ ช่วยให้เซลล์สามารถดึงเอากลูโคสไปใช้งานได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มปริมาณการหลั่งของอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 15-20% เลยทีเดียว

 

 



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.thaiherbweb.com/product/222995/สมุนไพรรักษาเบาหวาน.html

ความจริงของ สมุนไพรลดหน้าท้อง สมุนไพรไทยที่ใช้ ลดน้ำหนัก

 

 จตุผลาธิกะ

#จตุผลาธิกะ ประกอบด้วยผลไม้ 4 อย่าง คือ #สมอไทย #สมอพิเภก #สมอเทศ #มะขามป้อม ผลไม้ทั้ง 4 อย่างมีรส เปรี้ยว ฝาด ขม นำ และหวานน้อยตาม เมื่อมา

ประกอบกันในอัตราส่วนเสมอภาค มีสรรพคุณในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเสมหะ เมือกมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในอวัยวะหลายส่วน เช่น ปอด หลอดอาหาร หัวใจ

หลอดเลือด ลำไส้ เมื่อใดที่เสมหะ เมือกมันมีส่วนเกินเนื่องจากอาหาร หรือมีไข้ การกำจัดส่วนเกินไปเป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้นร่างกายก็จะป่วยไข้ได้

ความขมในจตุผลาธิกะ จะไปช่วยปรับระดับองค์ความร้อนในร่างกาย ขณะที่ความหวาน จะช่วยเชื่อมสมานเนื้อเยื่อให้สมบูรณ์ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ยาชุดนี้เป็น

ยาที่ช่วยขจัด ควบคุม และบำรุง ไปในตัว นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการขับถ่ายของเสียในร่างกายที่ออกมาในรูปของลม อุจจาระ เหงื่อ อีกด้วย

มีผลงานวิจัยสรุปว่า เป็นยาที่ช่วยต่อ สมุนไพรลดน้ำหนัก" href="https://www.facebook.com/ThaiHerbClub/">#ต้านอนุมูลอิสระ ต้านอย่างไร ก็ได้อธิบายไปในเรื่องการกำจัดเสมหะและเมือกมันส่วนเกินไปแล้ว ผู้ที่มีสิวมาก ทานยาชุดนี้

จะช่วยแก้สิวเป็นผลพลอยได้

สรุปได้ว่าเป็นยาที่ช่วยรักษาสมดุลของธาตุทั้งสี่ เวลาเช้าก่อนทานอาหาร ทานบ้างหยุดบ้าง อย่าไปเคร่งครัดว่าต้องทานทุกวัน เมือใดที่รู้สึกว่าทานอาหารมัน

เลี่ยน ก็ทานมากหน่อย เมื่อใดที่รู้สึกว่าอาหารที่ทานเข้าไปเป็นอาหารที่ดี สารพิษน้อย ก็หยุดทานได้ จะกำหนดตายตัวไม่ได้ว่า เท่าใดจึงพอไม่ได้ เพราะธาตุและ

สภาพร่างกาย วิธีการใช้ชีวิตประจำวัน อาหาร อารมณ์ อากาศที่ได้รับของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

สรรพคุณ จตุผลาธิกะ

การศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบว่า จตุผลาธิกะสมุนไพรไทยทั้ง 4 ชนิด มีคุณสมบัติในการกำจัดอนุมูลอิสระได้สูงมาก ดังนั้น เป็น จตุผลาธิกะ #สมุนไพรลดน้ำ

หนัก #สมุนไพรลดหน้าท้อง #สมุนไพรลดความอ้วน ที่

1. ช่วยให้ผิวขาวปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ #ผิวพรรณดี เปล่งปรั่ง สามารถนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยทำให้หน้าท้องแบบราบ ถ่ายไขมันออกโดยเฉพาะหน้าท้อง

3. ลดหน้าท้อง_จตุผลาธิกะ.html">#บำรุงเลือด การทำงานของเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง คนส่วนใหญ่มักจะไม่ตระหนักถึงความสำคัญของระบบเลือด ทั้งที่ระบบเลือด ทางสายเอกที่จะนำ

เอาอาหาร ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ผิวขนาดเดียวกันก็กลับนำสารพิษของเสียออกมาทิ้ง และโรคหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดอย่างคาดไม่ถึง ฉะนั้นสมุนไพร

ทองเนื้องามตัวนี้มีสรรพคุณ ช่วยปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเองและเป็นสมุนไพรลดความอ้วน

เมื่อทาน จตุผลาธิกะ (ทานร่วมกับสมุนไพรลดน้ำหนักอื่นๆตามรายการล่างสุดได้อย่างดี)

เดือนแรก ถ่ายดำ เมือกมันสูง

เดือนที่สี่ พุง #หน้าท้องยุบ อย่างรู้สึกได้ น้ำหนักลดลง ผิวดี สีสม่ำเสมอ

ทานต่อเนื่องเพื่อน้ำหนักลด ไม่มีอาการปวดหัว ใจไม่สั่น ตับไม่พัง ไตไม่พัง ต่อเนื่องกัน 4-6 เดือน

จตุผลาธิกะ

#สมุนไพรลดน้ำหนัก

ตอนนี้หลายๆคนคงหา#วิธีลดน้ำหนักกันอยู่ ทั้งไปออกกำลังกาย ทั้งยอมอดอาหาร และบางคนก็เน้นทานอาหารเสริม แต่เดี๋ยวก่อนอาหารเสริมนั้นก็หาใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป เพราะอาจจะมีสารตกค้าง หรือสารอันตรายเจือปนอยู่ก็เป็นได้พวกอาหารเสริมนั้นก็ทำการสกัดมาจากสมุนไพรธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น ทำไมเราไม่ลองมาทานผัก ผลไม้ หรือสมุนไพรสดๆ หรือนำมาปรุงอาหาร ทำเครื่องดื่มกันไปเลย ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมลดน้ำหนักแพงๆด้วยเพราะมี#สมุนไพรไทยที่ นิยมนำมาใช้ในการช่วยลดน้ำหนักมากมาย ดังนี้

มะนาว

ถ้าจะให้พูดถึงสมุนไพรที่รสชาติเปรี้ยวจี๊ดที่สามารถลดน้ำหนักได้ ก็คงต้องนึกถึงมะนาวอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มะนาวกลายเป็นพืชสมุนไพรยอดนิยมที่นำมาใช้ในการลดน้ำหนัก แถมสูตรในการลดน้ำหนักด้วยน้ำมะนาวก็ยังมีหลากหลายเหตุผลที่น้ำมะนาวสามารถลดความอ้วนอย่างได้ผลก็เป็นเพราะมะนาวมีกรดต่าง ๆ ซึ่งช่วยในการสลายไขมัน นอกจากนี้มะนาวยังมีวิตามินซีสูง เมื่อได้รับเข้าไปในปริมาณที่พอเหมาะก็จะทำให้ไขมันในร่างกายลดลง ระดับไตรกลีเซอไรด์ก็จะเป็นปกติ ไขมันเลวจะลดลงและช่วยให้ไขมันดีเพิ่มขึ้น แถมมะนาวยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหารได้ ใครที่กำลังอยากจะลดความอ้วนแล้วชอบรสเปรี้ยวล่ะก็ มะนาวนี่ล่ะไม่ควรพลาด

เม็ดแมงลัก

แม้ว่าเม็ดแมงลักจะไม่ได้มีสารอาหารที่ช่วยในการลดความอ้วนโดยตรง แต่เม็ดแมงลักก็สามารถช่วยใน#การควบคุมอาหารได้ เพราะเม็ดแมงลักเป็นพืชที่ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน แถมยังสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า หากนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และช่วยให้ทานอาหารได้น้อยลงนอกจากนี้เม็ดแมงลักยังสามารถรับประทานได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรอีกด้วย แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบกินเม็ดแมงลักจืดๆก็ลองนำไปกับผสมเครื่องดื่อื่นๆ ได้ตามใจชอบ แต่ก็ต้องนำไปแช่น้ำให้พองจนเต็มที่ก่อน ไม่งั้นอาจทำให้ท้องอืดและท้องผูกแทน

ลูกสำรอง

ลูกสำรอง หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า "พุงทะลาย" ซึ่งก็มีสรรพคุณในการลดความอ้วนได้เหมือนชื่อเลยล่ะ เพราะลูกสำรองเมื่อนำไปแช่น้ำก็จะเกิดการพองตัวและเมื่อรับประทานเข้าไปก็จะ ทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดไขมันให้ออกมาจากร่างกาย ล้างไขมันที่อยู่ในลำไส้ ด้วยการดูดซับไขมันเอาไว้แล้วขับออกมาในรูปแบบของการขับถ่ายแต่ก็มีข้อมูลทางเภสัชวิทยาพูดถึงการกินลูกสำรองติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดลดลงได้ ดังนั้นถ้าคิดจะใช้ลูกสำรองในการช่วยลดน้ำหนักก็ควรจะรับประทานให้พอเหมาะ

กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดงที่เรานำมาทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบ เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลือที่ติดอยู่กับผลสามารถใช้เป็น#ยาลดไขมันในเส้นเลือด โดยได้มีการศึกษาวิจัยและทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูงแล้วพบว่าระดับไตรกลี เซอไรด์ #คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น แล้วก็ยังช่วยบรรเทาความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจให้น้อยลงขณะที่ในประเทศอียิปต์ ยังมีการนำกระเจี๊ยบแดงทั้งต้นมาต้มกินเป็นยาลดน้ำหนัก เนื่องจากเป็นยาระบายและยังช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้อีกด้วย แต่เราไม่จำเป็นตองไปหาต้นกระเจี๊ยบมาต้มกินก็ได้นะคะ ถ้าอยากลดน้ำหนักด้วยกระเจี๊ยบจริง ๆ ละก็ ก็ลองหาน้้ำกระเจี๊ยบที่ไม่ผสมน้ำตาลมาดื่มก็จะช่วยได้เหมือนกันนะ

คำฝอย       

#ดอกคำฝอย เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ดีต่อการลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยขับเหงื่อ ซึ่งเหมาะมากหากจะนำมาชงดื่มก่อนนอน เพราะเป็นยาระบายอ่อน ๆ สามารถช่วยในการขับถ่าย ลดหน้าท้อง และช่วยลดน้ำหนัก ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อดอกคำฝอยสำเร็จรูปมาชงดื่มได้ง่ายแต่ถ้าใครชอบความสดใหม่มากกว่าก็สามารถหาซื้อดอกคำฝอยที่มีสีแดงจัดมาต้มใน น้ำเดือดประมาณ 5 นาที แล้วกรองเอาแต่น้ำ ถ้าหากอยากได้รสชาติหวานก็สามารถเติมน้ำตาลได้ตามชอบ แต่ถ้าหากจะดื่มเพื่อลดความอ้วนล่ะก็ ควรจะเปลี่ยนมาใส่หญ้าหวานแทนเพื่อให้ได้รสชาติหวาน แถมยังได้ลดความอ้วนได้อีกด้วย

กะเพรา

กะเพราเป็นพืชสมุนไพรที่เรานิยมนำมาทำอาหารกันอย่างแพร่หลาย แถมยังเป็นอาหารยอดนิยมอีกด้วย ซึ่งสรรพคุณของกะเพรา ที่เรารู้กันดีอยู่แล้วนั่นก็คือมีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง และแก้ปวดท้องอุจจาระได้ แต่สรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการที่เราไม่ค่อยจะทราบกันนั่นก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาลทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้งกะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย

 

 กระเทียม

กระเทียม

กระเทียม สมุนไพรที่คนไทยมักนิยมนำมาทำเป็นอาหารมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหนก็ต้องมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบ แต่ต้องเป็นกระเทียมสดเท่านั้นส่วนกระเทียมที่ผ่านการนำไปปรุงในอาหารแล้วไม่สามารถช่วย#ลดความอ้วนได้ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะในกระเทียมนั้นมีสารอัลลิซินซึ่งมีคุณสมบัติในการลด #คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด, ช่วยลดน้ำตาลกลูโคสในเลือด, ช่วยเสริมประสิทธิภาพของยาฆ่าเชื้อรา,ช่วยลดการอักเสบ, มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ, ยับยั้งเนื้องอกและเซลล์มะเร็งบางชนิด ซึ่งมีการทดลองพบว่าถ้าหากรับประทานกระเทียมวันละ 10 กลีบ จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลนั้นลดลง 14% ไขมันไม่ดีอย่าง LDL ลดลง 17% และไขมันดีอย่าง HDL เพิ่มขึ้นสูงถึง 41% เลยทีเดียว แต่สารอัลลิซินนั้นจะถูกทำลายเมื่อไปสัมผัสกับน้ำมันและความร้อน ดังนั้นจึงควรที่จะรับประทานกระเทียมสด ๆอย่างน้อยวันละ 3-5 กลีบเล็กก่อนอาหารเพื่อลดน้ำหนักแต่ถ้าอยากเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วย ก็ให้รับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหาร ก็จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้มากขึ้นได้ แต่ก็อย่าลืมเรื่องกลิ่นปากและกลิ่นตัวด้วยเพราะกระเทียมนั้นกลิ่นแรงมาก

พริก

ไม่น่าเชื่อว่าพริกจะมีความสามารถช่วยลดความอ้วนได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพริกมีวิตามินซีสูง ซึ่งเจ้าวิตามินซีนี่ล่ะที่จะไปช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และช่วยในระบบขับถ่ายอีกด้วย นอกจากวิตามินแล้ว ในพริกยังมีสารแคปไซซิน(Capsaicin), โอลีโอเรซิน (Oleoresin) และกรดแอสคอร์บิก ซึ่งกรดแอสคอร์บิกนี่ล่ะที่มีบทบาทสำคัญในการลดความอ้วน เพราะมันจะไปช่วยให้ไขมันถูกเผาผลาญกลายเป็นพลังงานได้ดี ถ้าหากใครที่เป็นคนที่ร่างกายมีการเผาผลาญต่ำ การกินพริกเข้าไปบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้นอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พริกจะช่วยลดความอ้วนได้ แต่ก็ต้องรับประทานเป็นจำนวนมากถึงจะได้รับสารอาหารที่อยู่ในพริกเพียงพอ ดังนั้นถ้าหากต้องการใช้พริกช่วยในการลดความอ้วน แนะนำให้รับประทานพริกในรูปแบบของสารสกัดจะดีกว่าทานแบบสด ๆ เป็นกำ ๆ ที่อาจทำให้ท้องอืด ปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะได้อีกต่างหาก

หญ้าหวาน

หญ้าหวานถือเป็นสมุนไพรที่นอกจากจะให้ความหวานได้เหมือนน้ำตาลแล้ว ยังช่วยให้สามารถลดความอ้วนได้ด้วย เพราะหญ้าหวานเป็นพืชที่ไม่ให้พลังงานและแคลอรี่ต่ำมาก สามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มหรือนำไปปรุงรสชาติอาหารแทนน้ำตาลก็ได้ทั้งนั้น แถมความหวานที่ได้จากหญ้าหวานยังมากกว่าน้ำตาลถึง200-300 เท่าของซูโครส และหากรับประทานเป็นประจำก็ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

 #ขมิ้นชัน

ขมิ้นมีสารพฤกษเคมีที่เรียกว่าเคอร์คูมิน ซึ่งสารชนิดนี้จะไปช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ไขมัน ทำให้สามารถช่วยลดไขมันได้ โดยขมิ้นชันสามารถรับประทานได้ทั้งสดและนำไปปรุงกับอาหาร ถ้าหากนำไปปรุงกับอาหารจำพวกทอดก็จะช่วยย่อยไขมันในอาหารได้อีกด้วย และที่สำคัญไม่ควรให้ขมิ้นอยู่ในความร้อนมากกว่า 65 องศาเพราะอาจจะทำให้เกิดสารสเตรอยด์ในขมิ้นได้

 

  ;

#ส้มแขก

ในผลส้มแขกมีสาร HAC หรือสารไฮดรอกซีซิตริกแอสิด อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารที่ว่านี้เป็นสารมีคุณสมบัติที่ดีในการเข้าไปสกัดและยับยั้งการสะสม ของไขมันส่วนเกินไนร่างกาย และยังช่วยทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หน้าท้องยุบ รูปร่างเพรียวขึ้น โดยคนส่วนใหญ่ก็มักจะรับประทานในรูปแบบของสารสกัดเสียมากกว่าและการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ส้มแขกในการลดความอ้วนนั้นก็ควรเลือกขนาดปริมาณ 300–600 มก.และรับประทานตามที่ฉลากระบุเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม เราก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน ลดพวกของทอดของมัน และออกกำลังกายมาก ๆ เพื่อที่การลดน้ำหนักจะได้ มีประสิทธิภาพและไม่กลับมาอ้วนอีก

บุก

บุกเป็นพืชที่คนกำลังลดความอ้วนนิยมนำมารับประทาน เพราะบุกมีสารกลูโคแมนแนน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วย กลูโคส แมนโนสฟรุคโทส มีลักษณะข้น ๆ เหนียว ๆ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อิ่มเร็ว เพราะความเหนียวหนืดของกลูโคแมนแนนจะชะลอการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหาร ไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จึงทำให้การบริโภคอาหารอื่น ๆ น้อยลงไปโดยปริยาย แถมยังมี#กากใยสูงทำให้ดีต่อลำไส้และการขับถ่ายอีกด้วย



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.thaiherbweb.com/product-type/6607/จตุผลา-ลดหน้าท้อง-ผิวงาม-.html

หวานเป็นลม...ขมเป็นยา...สมุนไพรพื้นบ้านฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร

หวานเป็นลม ขมเป็นยา สำนวนนี้ต้องยกให้ สมุนไพรพื้นบ้าน "ฟ้าทะลายโจร" ที่มีทั้งความขมพร้อมกับสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้ไข้ทั่วไป ไข้หวัด ระงับอาการอักเสบ เจ็บคอ แก้ติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการปวดท้อง ท้องเสีย แก้กระเพาะลำไส้อักเสบ เป็นต้น


ฟ้าทะลายโจร ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดและเสริมภูมิต้านทาน โดยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ของสมุนไพรชนิดนี้มี 3 สารด้วยกันคือ สารในกลุ่ม Lactone ซึ่งก็คือ สารแอดโดรกราโฟไลด์(Andrographolide) สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (Neo-Andrographolide) และสาร 14-ดีอ็อกซี่แอนโดกราโฟไลด์ ในคนที่เป็นหวัดบ่อยๆ ร้อนในบ่อยๆ เนื่องจากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ภูุมิต้านทานอ่อนลง การรับประทานสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่เป็นหวัดง่าย และดีกว่ายาปฏิชีวนะตรงที่ไม่เกิดการง่วงนอน ไม่เกิดการดื้อยา อีกทั้งยังป้องกันตับจากสารพิษหลายชนิด เช่น จากยาแก้ไข้พาราเซตามอล หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมอีกด้วย

สรรพคุณของฟ้าทะลายโจร แบ่งให้เข้าใจง่ายขึ้นมี 4 ประการ ได้แก่
  1. แก้ไข้ทั่วไป เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้เนื่องจากมีฤทธิ์ในการสร้างภูมิคุ้มกัน
  2. ระงับอาการอักเสบ เช่น อาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ขับเสมหะ   รักษาโรคผิวหนัง
  3. แก้อาการติดเชื้อ เช่น ท้องเสีย กระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
  4. เป็นยาขมช่วยเจริญอาหาร



ข้อดีของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีมากมาย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยบางราย ฉะนั้นการใช้ยาควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะตามที่แพทย์แนะนำเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของทุกคนนะคะ....

เวปไซต์ thaiherbweb.com
Line ID  @thaiherbweb   (มีตัว@นำหน้า)
เพสบุุ๊ค  https://www.facebook.com/ThaiHerbClub
เบอร์โทร 0973199029, 0805842717, 021387031, 0863515214

☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺

รากบัว สมุนไพรช่วยหลับ

รากบัวกับการนอนหลับ

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

รากบัว (Lotus Root) หรือ เหง้าบัว คนสมัยก่อนใช้รากบัว เป็นส่วนประกอบของยาหม้อโบราณเพราะมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ช่วยลดอาการร้อนใน อาการไอ คนไข้ที่มีไข้สูง หมอแผนโบราณมักให้ดื่มน้ำรากบัวที่ค่อนข้างเย็น ส่วนคนปกติให้ดื่มน้ำต้มรากบัวแบบอุ่น ๆ การกินรากบัวดีต่ออวัยวะภายใน รากบัวสด ๆ มีฤทธิ์แก้ร้อนในได้ดีกว่าน้ำต้มรากบัว ในน้ำรากบัวนั้นมีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายๆ ประการ เช่น ฟลาโวนอยด์,โฟลีฟีนนอล ช่วยในการต่อต้านมะเร็ง , มีวิตามิน และเกลือแร่ น้ำรากบัวจึงถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง น้ำรากบัวที่ดี จะต้องมี สีออกสีเหลืองๆ จางๆ ใสๆ มีรสฝาด เผ็ด ร้อน ไม่มีกลิ่น

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

สรรพคุณ :

มีรสหวานมัน แก้อาการอ่อนเพลีย ชูกำลัง ช่วยให้สดชื่น ช่วยเจริญอาหาร  บำรุงร่างกาย บำรุงสมอง ช่วยการนอนหลับ ชวยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระแก่ร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของโลหิต ดับกระหาย แก้เสมหะ น้ำลายเหนียว แก้ไอ ดับพิษร้อนให้ปอดชุ่มชื้น ช่วยลดความดันโลหิต แก้ปวดบวม มีประโยชน์ต่อกระเพาะอาหาร ร่างกายขาดความสมดุล ผู้อยู่ในวัยทองมีอาการนอนไม่หลับก็สามารถช่วยได้ รากบัวใช้ทำกินได้ทั้งอาหารคาว-หวาน จะต้มกินน้ำหรือคั้นดื่มสดๆ ก็ได้ตามชอบ

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

สำหรับคุณค่าทางอาหาร รากบัวอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงโลหิต มีวิตามินบี วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงและมีใยอาหารปริมาณมาก ช่วยแก้อาการท้องผูกได้ชะงัด นอกจากสรรพคุณที่หลากหลายตามตำราโบร่ำโบราณที่กล่าวมาแล้ว ข้อมูลทางโภชนาการและงานวิจัย ยังบอกว่ารากบัวเป็นอาหารชั้นดี ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ประกอบไปด้วยใยอาหาร ที่ช่วยระบบขับถ่าย และมีผลช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ ในรากบัวยังพบวิตามินซี, วิตามินบี 1(ไทอามีน), วิตามินบี 2(ไรโบเฟลวิน), วิตามินบี 3(ไนอาซิน), วิตามินบี 5(กรดแพนโทธีนิก), วิตามินบี 6, โฟเลท และแร่ธาตุ ต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ซึ่งวิตามินเหล่านี้จะช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเป็นตัวช่วยในการทำงานของเอนไซม์ ทำให้เซลล์ทำหน้าที่ได้ตามปกติ ไปจนถึงช่วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่วนแร่ธาตุ ก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย แร่ธาตุบางชนิดเป็นส่วนของสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน เฮโมโกลบิน เอนไซม์ เป็นต้น

สมุนไพรรักษาโรค รากบัว

ข้อควรระวัง : ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านกระเพาะไม่ควรรับประทานน้ำรากบัวที่คั้นสดโดยตรง แต่ให้เติมน้ำเพิ่มประมาณ 30 เท่า จากนั้นนำไปต้มจนระเหยเหลือ 20 เท่าจากปริมาณเดิม ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากทุกๆ 30 นาที แทน

 



ที่มา : http://thaiherbweb2.igetweb.com/th/products/126350-รากบัว